3.25 ปุกฺกุสมลฺลปุตฺตวตฺถุ
เตน โข ปน สมเยน ปุกฺกุโส มลฺลปุตฺโต อาฬารสฺส กาลามสฺส สาวโก กุสินาราย ปาวํ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน โหติ. อทฺทสา โข ปุกฺกุโส มลฺลปุตฺโต ภควนฺตํ อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล นิสินฺนํ. ทิสฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ปุกฺกุโส มลฺลปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ— “อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต, สนฺเตน วต, ภนฺเต, ปพฺพชิตา วิหาเรน วิหรนฺติ. ภูตปุพฺพํ, ภนฺเต, อาฬาโร กาลาโม อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน มคฺคา โอกฺกมฺม อวิทูเร อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ. อถ โข, ภนฺเต, ปญฺจมตฺตานิ สกฏสตานิ อาฬารํ กาลามํ นิสฺสาย นิสฺสาย อติกฺกมิํสุ. อถ โข, ภนฺเต, อญฺญตโร ปุริโส ตสฺส สกฏสตฺถสฺส ปิฏฺฐิโต ปิฏฺฐิโต อาคจฺฉนฺโต เยน อาฬาโร กาลาโม เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อาฬารํ กาลามํ เอตทโวจ— ‘อปิ, ภนฺเต, ปญฺจมตฺตานิ สกฏสตานิ อติกฺกนฺตานิ อทฺทสา’ติ? ‘น โข อหํ, อาวุโส, อทฺทสนฺ’ติ. ‘กิํ ปน, ภนฺเต, สทฺทํ อโสฺสสี’ติ? ‘น โข อหํ, อาวุโส, สทฺทํ อสฺโสสินฺ’ติ. ‘กิํ ปน, ภนฺเต, สุตฺโต อโหสี’ติ? ‘น โข อหํ, อาวุโส, สุตฺโต อโหสินฺ’ติ. ‘กิํ ปน, ภนฺเต, สญฺญี อโหสี’ติ? ‘เอวมาวุโส’ติ. ‘โส ตฺวํ, ภนฺเต, สญฺญี สมาโน ชาคโร ปญฺจมตฺตานิ สกฏสตานิ นิสฺสาย นิสฺสาย อติกฺกนฺตานิ เนว อทฺทส, น ปน สทฺทํ อสฺโสสิ; อปิสุ เต, ภนฺเต, สงฺฆาฏิ รเชน โอกิณฺณา’ติ? ‘เอวมาวุโส’ติ. อถ โข, ภนฺเต, ตสฺส ปุริสสฺส เอตทโหสิ— ‘อจฺฉริยํ วต โภ, อพฺภุตํ วต โภ, สนฺเตน วต โภ ปพฺพชิตา วิหาเรน วิหรนฺติ. ยตฺร หิ นาม สญฺญี สมาโน ชาคโร ปญฺจมตฺตานิ สกฏสตานิ นิสฺสาย นิสฺสาย อติกฺกนฺตานิ เนว ทกฺขติ, น ปน สทฺทํ โสสฺสตี’ติ. อาฬาเร กาลาเม อุฬารํ ปสาทํ ปเวเทตฺวา ปกฺกามี”ติ.
“ตํ กิํ มญฺญสิ, ปุกฺกุส, กตมํ นุ โข ทุกฺกรตรํ วา ทุรภิสมฺภวตรํ วา— โย วา สญฺญี สมาโน ชาคโร ปญฺจมตฺตานิ สกฏสตานิ นิสฺสาย นิสฺสาย อติกฺกนฺตานิ เนว ปเสฺสยฺย, น ปน สทฺทํ สุเณยฺย; โย วา สญฺญี สมาโน ชาคโร เทเว วสฺสนฺเต เทเว คฬคฬายนฺเต วิชฺชุลฺลตาสุ นิจฺฉรนฺตีสุ อสนิยา ผลนฺติยา เนว ปเสฺสยฺย, น ปน สทฺทํ สุเณยฺยา”ติ? “กิญฺหิ, ภนฺเต, กริสฺสนฺติ ปญฺจ วา สกฏสตานิ ฉ วา สกฏสตานิ สตฺต วา สกฏสตานิ อฏฺฐ วา สกฏสตานิ นว วา สกฏสตานิ, สกฏสหสฺสํ วา สกฏสตสหสฺสํ วา. อถ โข เอตเทว ทุกฺกรตรญฺเจว ทุรภิสมฺภวตรญฺจ โย สญฺญี สมาโน ชาคโร เทเว วสฺสนฺเต เทเว คฬคฬายนฺเต วิชฺชุลฺลตาสุ นิจฺฉรนฺตีสุ อสนิยา ผลนฺติยา เนว ปเสฺสยฺย, น ปน สทฺทํ สุเณยฺยา”ติ.
“เอกมิทาหํ, ปุกฺกุส, สมยํ อาตุมายํ วิหรามิ ภุสาคาเร. เตน โข ปน สมเยน เทเว วสฺสนฺเต เทเว คฬคฬายนฺเต วิชฺชุลฺลตาสุ นิจฺฉรนฺตีสุ อสนิยา ผลนฺติยา อวิทูเร ภุสาคารสฺส ทฺเว กสฺสกา ภาตโร หตา จตฺตาโร จ พลิพทฺทา. อถ โข, ปุกฺกุส, อาตุมาย มหาชนกาโย นิกฺขมิตฺวา เยน เต ทฺเว กสฺสกา ภาตโร หตา จตฺตาโร จ พลิพทฺทา เตนุปสงฺกมิ. เตน โข ปนาหํ, ปุกฺกุส, สมเยน ภุสาคารา นิกฺขมิตฺวา ภุสาคารทฺวาเร อพฺโภกาเส จงฺกมามิ. อถ โข, ปุกฺกุส, อญฺญตโร ปุริโส ตมฺหา มหาชนกายา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺฐาสิ. เอกมนฺตํ ฐิตํ โข อหํ, ปุกฺกุส, ตํ ปุริสํ เอตทโวจํ— ‘กิํ นุ โข เอโส, อาวุโส, มหาชนกาโย สนฺนิปติโต’ติ? ‘อิทานิ, ภนฺเต, เทเว วสฺสนฺเต เทเว คฬคฬายนฺเต วิชฺชุลฺลตาสุ นิจฺฉรนฺตีสุ อสนิยา ผลนฺติยา ทฺเว กสฺสกา ภาตโร หตา จตฺตาโร จ พลิพทฺทา. เอตฺเถโส มหาชนกาโย สนฺนิปติโต. ตฺวํ ปน, ภนฺเต, กฺว อโหสี’ติ? ‘อิเธว โข อหํ, อาวุโส, อโหสินฺ’ติ. ‘กิํ ปน, ภนฺเต, อทฺทสา’ติ? ‘น โข อหํ, อาวุโส, อทฺทสนฺ’ติ. ‘กิํ ปน, ภนฺเต, สทฺทํ อโสฺสสี’ติ? ‘น โข อหํ, อาวุโส, สทฺทํ อสฺโสสินฺ’ติ. ‘กิํ ปน, ภนฺเต, สุตฺโต อโหสี’ติ? ‘น โข อหํ, อาวุโส, สุตฺโต อโหสินฺ’ติ. ‘กิํ ปน, ภนฺเต, สญฺญี อโหสี’ติ? ‘เอวมาวุโส’ติ. ‘โส ตฺวํ, ภนฺเต, สญฺญี สมาโน ชาคโร เทเว วสฺสนฺเต เทเว คฬคฬายนฺเต วิชฺชุลฺลตาสุ นิจฺฉรนฺตีสุ อสนิยา ผลนฺติยา เนว อทฺทส, น ปน สทฺทํ อโสฺสสี’ติ? ‘เอวมาวุโส’ติ?
อถ โข, ปุกฺกุส, ตสฺส ปุริสสฺส เอตทโหสิ— ‘อจฺฉริยํ วต โภ, อพฺภุตํ วต โภ, สนฺเตน วต โภ ปพฺพชิตา วิหาเรน วิหรนฺติ. ยตฺร หิ นาม สญฺญี สมาโน ชาคโร เทเว วสฺสนฺเต เทเว คฬคฬายนฺเต วิชฺชุลฺลตาสุ นิจฺฉรนฺตีสุ อสนิยา ผลนฺติยา เนว ทกฺขติ, น ปน สทฺทํ โสสฺสตี’ติ. มยิ อุฬารํ ปสาทํ ปเวเทตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามี”ติ.
เอวํ วุตฺเต, ปุกฺกุโส มลฺลปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ— “เอสาหํ, ภนฺเต, โย เม อาฬาเร กาลาเม ปสาโท ตํ มหาวาเต วา โอผุณามิ สีฆโสตาย วา นทิยา ปวาเหมิ. อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต. เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย— ‘จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติ; เอวเมวํ ภควตา อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสํฆญฺจ. อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คตนฺ”ติ.
อถ โข ปุกฺกุโส มลฺลปุตฺโต อญฺญตรํ ปุริสํ อามนฺเตสิ— “อิงฺฆ เม ตฺวํ, ภเณ, สิงฺคีวณฺณํ ยุคมฏฺฐํ ธารณียํ อาหรา”ติ. “เอวํ, ภนฺเต”ติ โข โส ปุริโส ปุกฺกุสสฺส มลฺลปุตฺตสฺส ปฏิสฺสุตฺวา ตํ สิงฺคีวณฺณํ ยุคมฏฺฐํ ธารณียํ อาหริ. อถ โข ปุกฺกุโส มลฺลปุตฺโต ตํ สิงฺคีวณฺณํ ยุคมฏฺฐํ ธารณียํ ภควโต อุปนาเมสิ— “อิทํ, ภนฺเต, สิงฺคีวณฺณํ ยุคมฏฺฐํ ธารณียํ, ตํ เม ภควา ปฏิคฺคณฺหาตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา”ติ. “เตน หิ, ปุกฺกุส, เอเกน มํ อจฺฉาเทหิ, เอเกน อานนฺทนฺ”ติ. “เอวํ, ภนฺเต”ติ โข ปุกฺกุโส มลฺลปุตฺโต ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา เอเกน ภควนฺตํ อจฺฉาเทติ, เอเกน อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ. อถ โข ภควา ปุกฺกุสํ มลฺลปุตฺตํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสสิ สมาทเปสิ สมุตฺเตเชสิ สมฺปหํเสสิ. อถ โข ปุกฺกุโส มลฺลปุตฺโต ภควตา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิโต สมาทปิโต สมุตฺเตชิโต สมฺปหํสิโต อุฏฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ.
อถ โข อายสฺมา อานนฺโท อจิรปกฺกนฺเต ปุกฺกุเส มลฺลปุตฺเต ตํ สิงฺคีวณฺณํ ยุคมฏฺฐํ ธารณียํ ภควโต กายํ อุปนาเมสิ. ตํ ภควโต กายํ อุปนามิตํ หตจฺจิกํ วิย ขายติ. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท ภควนฺตํ เอตทโวจ— “อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต, ยาว ปริสุทฺโธ, ภนฺเต, ตถาคตสฺส ฉวิวณฺโณ ปริโยทาโต. อิทํ, ภนฺเต, สิงฺคีวณฺณํ ยุคมฏฺฐํ ธารณียํ ภควโต กายํ อุปนามิตํ หตจฺจิกํ วิย ขายตี”ติ. “เอวเมตํ, อานนฺท, เอวเมตํ, อานนฺท, ทฺวีสุ กาเลสุ อติวิย ตถาคตสฺส กาโย ปริสุทฺโธ โหติ ฉวิวณฺโณ ปริโยทาโต. กตเมสุ ทฺวีสุ? ยญฺจ, อานนฺท, รตฺติํ ตถาคโต อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธิํ อภิสมฺพุชฺฌติ, ยญฺจ รตฺติํ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายติ. อิเมสุ โข, อานนฺท, ทฺวีสุ กาเลสุ อติวิย ตถาคตสฺส กาโย ปริสุทฺโธ โหติ ฉวิวณฺโณ ปริโยทาโต. อชฺช โข ปนานนฺท, รตฺติยา ปจฺฉิเม ยาเม กุสินารายํ อุปวตฺตเน มลฺลานํ สาลวเน อนฺตเรน ยมกสาลานํ ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานํ ภวิสฺสติ. อายามานนฺท, เยน กกุธา นที เตนุปสงฺกมิสฺสามา”ติ. “เอวํ, ภนฺเต”ติ โข อายสฺมา อานนฺโท ภควโต ปจฺจโสฺสสิ.
สิงฺคีวณฺณํ ยุคมฏฺฐํ,
ปุกฺกุโส อภิหารยิ;
เตน อจฺฉาทิโต สตฺถา,
เหมวณฺโณ อโสภถาติ.
( )
อถ โข ภควา มหตา ภิกฺขุสํเฆน สทฺธิํ เยน กกุธา นที เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา กกุธํ นทิํ อชฺโฌคาเหตฺวา นฺหตฺวา จ ปิวิตฺวา จ ปจฺจุตฺตริตฺวา เยน อมฺพวนํ เตนุปสงฺกมิ. อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ จุนฺทกํ อามนฺเตสิ— “อิงฺฆ เม ตฺวํ, จุนฺทก, จตุคฺคุณํ สงฺฆาฏิํ ปญฺญเปหิ, กิลนฺโตสฺมิ, จุนฺทก, นิปชฺชิสฺสามี”ติ.
“เอวํ, ภนฺเต”ติ โข อายสฺมา จุนฺทโก ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา จตุคฺคุณํ สงฺฆาฏิํ ปญฺญเปสิ. อถ โข ภควา ทกฺขิเณน ปเสฺสน สีหเสยฺยํ กปฺเปสิ ปาเท ปาทํ อจฺจาธาย สโต สมฺปชาโน อุฏฺฐานสญฺญํ มนสิกริตฺวา. อายสฺมา ปน จุนฺทโก ตตฺเถว ภควโต ปุรโต นิสีทิ.
คนฺตฺวาน พุทฺโธ นทิกํ กกุธํ,
อจฺโฉทกํ สาตุทกํ วิปฺปสนฺนํ;
โอคาหิ สตฺถา อกิลนฺตรูโป,
ตถาคโต อปฺปฏิโม จ โลเก.
นฺหตฺวา จ ปิวิตฺวา จุทตาริ สตฺถา,
ปุรกฺขโต ภิกฺขุคณสฺส มชฺเฌ;
วตฺตา ปวตฺตา ภควา อิธ ธมฺเม,
อุปาคมิ อมฺพวนํ มเหสิ._
อามนฺตยิ จุนฺทกํ นาม ภิกฺขุํ,
จตุคฺคุณํ สนฺถร เม นิปชฺชํ;
โส โจทิโต ภาวิตตฺเตน จุนฺโท,
จตุคฺคุณํ สนฺถริ ขิปฺปเมว;
นิปชฺชิ สตฺถา อกิลนฺตรูโป,
จุนฺโทปิ ตตฺถ ปมุเข นิสีทีติ.
อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตสิ— “สิยา โข ปนานนฺท, จุนฺทสฺส กมฺมารปุตฺตสฺส โกจิ วิปฺปฏิสารํ อุปฺปาเทยฺย— ‘ตสฺส เต, อาวุโส จุนฺท, อลาภา ตสฺส เต ทุลฺลทฺธํ, ยสฺส เต ตถาคโต ปจฺฉิมํ ปิณฺฑปาตํ ปริภุญฺชิตฺวา ปรินิพฺพุโต’ติ. จุนฺทสฺส, อานนฺท, กมฺมารปุตฺตสฺส เอวํ วิปฺปฏิสาโร ปฏิวิเนตพฺโพ— ‘ตสฺส เต, อาวุโส จุนฺท, ลาภา ตสฺส เต สุลทฺธํ, ยสฺส เต ตถาคโต ปจฺฉิมํ ปิณฺฑปาตํ ปริภุญฺชิตฺวา ปรินิพฺพุโต. สมฺมุขา เมตํ, อาวุโส จุนฺท, ภควโต สุตํ สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ— ทฺเวเม ปิณฺฑปาตา สมสมผลา สมวิปากา, อติวิย อญฺเญหิ ปิณฺฑปาเตหิ มหปฺผลตรา จ มหานิสํสตรา จ. กตเม ทฺเว? ยญฺจ ปิณฺฑปาตํ ปริภุญฺชิตฺวา ตถาคโต อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธิํ อภิสมฺพุชฺฌติ, ยญฺจ ปิณฺฑปาตํ ปริภุญฺชิตฺวา ตถาคโต อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายติ. อิเม ทฺเว ปิณฺฑปาตา สมสมผลา สมวิปากา, อติวิย อญฺเญหิ ปิณฺฑปาเตหิ มหปฺผลตรา จ มหานิสํสตรา จ. อายุสํวตฺตนิกํ อายสฺมตา จุนฺเทน กมฺมารปุตฺเตน กมฺมํ อุปจิตํ, วณฺณสํวตฺตนิกํ อายสฺมตา จุนฺเทน กมฺมารปุตฺเตน กมฺมํ อุปจิตํ, สุขสํวตฺตนิกํ อายสฺมตา จุนฺเทน กมฺมารปุตฺเตน กมฺมํ อุปจิตํ, ยสสํวตฺตนิกํ อายสฺมตา จุนฺเทน กมฺมารปุตฺเตน กมฺมํ อุปจิตํ, สคฺคสํวตฺตนิกํ อายสฺมตา จุนฺเทน กมฺมารปุตฺเตน กมฺมํ อุปจิตํ, อาธิปเตยฺยสํวตฺตนิกํ อายสฺมตา จุนฺเทน กมฺมารปุตฺเตน กมฺมํ อุปจิตนฺ’ติ. จุนฺทสฺส, อานนฺท, กมฺมารปุตฺตสฺส เอวํ วิปฺปฏิสาโร ปฏิวิเนตพฺโพ”ติ. อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ—
“ททโต ปุญฺญํ ปวฑฺฒติ,
สํยมโต เวรํ น จียติ;
กุสโล จ ชหาติ ปาปกํ,
ราคโทสโมหกฺขยา สนิพฺพุโต”ติ.
จตุตฺโถ ภาณวาโร.