3.27 อุปวาณตฺเถร
เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา อุปวาโณ ภควโต ปุรโต ฐิโต โหติ ภควนฺตํ พีชยมาโน. อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อุปวาณํ อปสาเรสิ— “อเปหิ, ภิกฺขุ, มา เม ปุรโต อฏฺฐาสี”ติ. อถ โข อายสฺมโต อานนฺทสฺส เอตทโหสิ— “อยํ โข อายสฺมา อุปวาโณ ทีฆรตฺตํ ภควโต อุปฏฺฐาโก สนฺติกาวจโร สมีปจารี. อถ จ ปน ภควา ปจฺฉิเม กาเล อายสฺมนฺตํ อุปวาณํ อปสาเรติ— ‘อเปหิ, ภิกฺขุ, มา เม ปุรโต อฏฺฐาสี’ติ. โก นุ โข เหตุ, โก ปจฺจโย, ยํ ภควา อายสฺมนฺตํ อุปวาณํ อปสาเรติ— ‘อเปหิ, ภิกฺขุ, มา เม ปุรโต อฏฺฐาสี’”ติ?
อถ โข อายสฺมา อานนฺโท ภควนฺตํ เอตทโวจ— “อยํ, ภนฺเต, อายสฺมา อุปวาโณ ทีฆรตฺตํ ภควโต อุปฏฺฐาโก สนฺติกาวจโร สมีปจารี. อถ จ ปน ภควา ปจฺฉิเม กาเล อายสฺมนฺตํ อุปวาณํ อปสาเรติ— ‘อเปหิ, ภิกฺขุ, มา เม ปุรโต อฏฺฐาสี’ติ. โก นุ โข, ภนฺเต, เหตุ, โก ปจฺจโย, ยํ ภควา อายสฺมนฺตํ อุปวาณํ อปสาเรติ— ‘อเปหิ, ภิกฺขุ, มา เม ปุรโต อฏฺฐาสี’”ติ? “เยภุเยฺยน, อานนฺท, ทสสุ โลกธาตูสุ เทวตา สนฺนิปติตา ตถาคตํ ทสฺสนาย. ยาวตา, อานนฺท, กุสินารา อุปวตฺตนํ มลฺลานํ สาลวนํ สมนฺตโต ทฺวาทส โยชนานิ, นตฺถิ โส ปเทโส วาลคฺคโกฏินิตฺตุทนมตฺโตปิ มเหสกฺขาหิ เทวตาหิ อปฺผุโฏ. เทวตา, อานนฺท, อุชฺฌายนฺติ— ‘ทูรา จ วตมฺห อาคตา ตถาคตํ ทสฺสนาย. กทาจิ กรหจิ ตถาคตา โลเก อุปฺปชฺชนฺติ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา. อชฺเชว รตฺติยา ปจฺฉิเม ยาเม ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานํ ภวิสฺสติ. อยญฺจ มเหสกฺโข ภิกฺขุ ภควโต ปุรโต ฐิโต โอวาเรนฺโต, น มยํ ลภาม ปจฺฉิเม กาเล ตถาคตํ ทสฺสนายา’”ติ.
“กถํภูตา ปน, ภนฺเต, ภควา เทวตา มนสิกโรตี”ติ? “สนฺตานนฺท, เทวตา อากาเส ปถวีสญฺญินิโย เกเส ปกิริย กนฺทนฺติ, พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺติ, ฉินฺนปาตํ ปปตนฺติ, อาวฏฺฏนฺติ, วิวฏฺฏนฺติ— ‘อติขิปฺปํ ภควา ปรินิพฺพายิสฺสติ, อติขิปฺปํ สุคโต ปรินิพฺพายิสฺสติ, อติขิปฺปํ จกฺขุํ โลเก อนฺตรธายิสฺสตี’ติ.
สนฺตานนฺท, เทวตา ปถวิยํ ปถวีสญฺญินิโย เกเส ปกิริย กนฺทนฺติ, พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺติ, ฉินฺนปาตํ ปปตนฺติ, อาวฏฺฏนฺติ, วิวฏฺฏนฺติ— ‘อติขิปฺปํ ภควา ปรินิพฺพายิสฺสติ, อติขิปฺปํ สุคโต ปรินิพฺพายิสฺสติ, อติขิปฺปํ จกฺขุํ โลเก อนฺตรธายิสฺสตี’ติ.
ยา ปน ตา เทวตา วีตราคา, ตา สตา สมฺปชานา อธิวาเสนฺติ— ‘อนิจฺจา สงฺขารา, ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา’”ติ.