1.2 โกรกฺขตฺติยวตฺถุ
เอกมิทาหํ, ภคฺคว, สมยํ ถูลูสุ วิหรามิ อุตฺตรกา นาม ถูลูนํ นิคโม. อถ ขฺวาหํ, ภคฺคว, ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สุนกฺขตฺเตน ลิจฺฉวิปุตฺเตน ปจฺฉาสมเณน อุตฺตรกํ ปิณฺฑาย ปาวิสิํ. เตน โข ปน สมเยน อเจโล โกรกฺขตฺติโย กุกฺกุรวติโก จตุกฺกุณฺฑิโก ฉมานิกิณฺณํ ภกฺขสํ มุเขเนว ขาทติ, มุเขเนว ภุญฺชติ. อทฺทสา โข, ภคฺคว, สุนกฺขตฺโต ลิจฺฉวิปุตฺโต อเจลํ โกรกฺขตฺติยํ กุกฺกุรวติกํ จตุกฺกุณฺฑิกํ ฉมานิกิณฺณํ ภกฺขสํ มุเขเนว ขาทนฺตํ มุเขเนว ภุญฺชนฺตํ. ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ— ‘สาธุรูโป วต โภ อยํ สมโณ จตุกฺกุณฺฑิโก ฉมานิกิณฺณํ ภกฺขสํ มุเขเนว ขาทติ, มุเขเนว ภุญฺชตี’ติ.
อถ ขฺวาหํ, ภคฺคว, สุนกฺขตฺตสฺส ลิจฺฉวิปุตฺตสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย สุนกฺขตฺตํ ลิจฺฉวิปุตฺตํ เอตทโวจํ— ‘ตฺวมฺปิ นาม, โมฆปุริส, สมโณ สกฺยปุตฺติโย ปฏิชานิสฺสสี’ติ. ‘กิํ ปน มํ, ภนฺเต, ภควา เอวมาห— “ตฺวมฺปิ นาม, โมฆปุริส, สมโณ สกฺยปุตฺติโย ปฏิชานิสฺสสี”’ติ? ‘นนุ เต, สุนกฺขตฺต, อิมํ อเจลํ โกรกฺขตฺติยํ กุกฺกุรวติกํ จตุกฺกุณฺฑิกํ ฉมานิกิณฺณํ ภกฺขสํ มุเขเนว ขาทนฺตํ มุเขเนว ภุญฺชนฺตํ ทิสฺวาน เอตทโหสิ— สาธุรูโป วต โภ อยํ สมโณ จตุกฺกุณฺฑิโก ฉมานิกิณฺณํ ภกฺขสํ มุเขเนว ขาทติ, มุเขเนว ภุญฺชตี’ติ? ‘เอวํ, ภนฺเต. กิํ ปน, ภนฺเต, ภควา อรหตฺตสฺส มจฺฉรายตี’ติ?
‘น โข อหํ, โมฆปุริส, อรหตฺตสฺส มจฺฉรายามิ. อปิ จ ตุเยฺหเวตํ ปาปกํ ทิฏฺฐิคตํ อุปฺปนฺนํ, ตํ ปชห. มา เต อโหสิ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย. ยํ โข ปเนตํ, สุนกฺขตฺต, มญฺญสิ อเจลํ โกรกฺขตฺติยํ— สาธุรูโป อยํ สมโณติ. โส สตฺตมํ ทิวสํ อลสเกน กาลํ กริสฺสติ. กาลงฺกโต จ กาลกญฺจิกา นาม อสุรา สพฺพนิหีโน อสุรกาโย, ตตฺร อุปปชฺชิสฺสติ. กาลงฺกตญฺจ นํ พีรณตฺถมฺพเก สุสาเน ฉฑฺเฑสฺสนฺติ. อากงฺขมาโน จ ตฺวํ, สุนกฺขตฺต, อเจลํ โกรกฺขตฺติยํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺเฉยฺยาสิ— ชานาสิ, อาวุโส โกรกฺขตฺติย, อตฺตโน คตินฺติ? ฐานํ โข ปเนตํ, สุนกฺขตฺต, วิชฺชติ ยํ เต อเจโล โกรกฺขตฺติโย พฺยากริสฺสติ— ชานามิ, อาวุโส สุนกฺขตฺต, อตฺตโน คติํ; กาลกญฺจิกา นาม อสุรา สพฺพนิหีโน อสุรกาโย, ตตฺรามฺหิ อุปปนฺโน’ติ.
อถ โข, ภคฺคว, สุนกฺขตฺโต ลิจฺฉวิปุตฺโต เยน อเจโล โกรกฺขตฺติโย เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อเจลํ โกรกฺขตฺติยํ เอตทโวจ— ‘พฺยากโต โขสิ, อาวุโส โกรกฺขตฺติย, สมเณน โคตเมน— อเจโล โกรกฺขตฺติโย สตฺตมํ ทิวสํ อลสเกน กาลํ กริสฺสติ. กาลงฺกโต จ กาลกญฺจิกา นาม อสุรา สพฺพนิหีโน อสุรกาโย, ตตฺร อุปปชฺชิสฺสติ. กาลงฺกตญฺจ นํ พีรณตฺถมฺพเก สุสาเน ฉฑฺเฑสฺสนฺตีติ. เยน ตฺวํ, อาวุโส โกรกฺขตฺติย, มตฺตํ มตฺตญฺจ ภตฺตํ ภุญฺเชยฺยาสิ, มตฺตํ มตฺตญฺจ ปานียํ ปิเวยฺยาสิ. ยถา สมณสฺส โคตมสฺส มิจฺฉา อสฺส วจนนฺ’ติ.
อถ โข, ภคฺคว, สุนกฺขตฺโต ลิจฺฉวิปุตฺโต เอกทฺวีหิกาย สตฺตรตฺตินฺทิวานิ คเณสิ, ยถา ตํ ตถาคตสฺส อสทฺทหมาโน. อถ โข, ภคฺคว, อเจโล โกรกฺขตฺติโย สตฺตมํ ทิวสํ อลสเกน กาลมกาสิ. กาลงฺกโต จ กาลกญฺจิกา นาม อสุรา สพฺพนิหีโน อสุรกาโย, ตตฺร อุปปชฺชิ. กาลงฺกตญฺจ นํ พีรณตฺถมฺพเก สุสาเน ฉฑฺเฑสุํ.
อสฺโสสิ โข, ภคฺคว, สุนกฺขตฺโต ลิจฺฉวิปุตฺโต— ‘อเจโล กิร โกรกฺขตฺติโย อลสเกน กาลงฺกโต พีรณตฺถมฺพเก สุสาเน ฉฑฺฑิโต’ติ. อถ โข, ภคฺคว, สุนกฺขตฺโต ลิจฺฉวิปุตฺโต เยน พีรณตฺถมฺพกํ สุสานํ, เยน อเจโล โกรกฺขตฺติโย เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อเจลํ โกรกฺขตฺติยํ ติกฺขตฺตุํ ปาณินา อาโกเฏสิ— ‘ชานาสิ, อาวุโส โกรกฺขตฺติย, อตฺตโน คตินฺ’ติ? อถ โข, ภคฺคว, อเจโล โกรกฺขตฺติโย ปาณินา ปิฏฺฐิํ ปริปุญฺฉนฺโต วุฏฺฐาสิ. ‘ชานามิ, อาวุโส สุนกฺขตฺต, อตฺตโน คติํ. กาลกญฺจิกา นาม อสุรา สพฺพนิหีโน อสุรกาโย, ตตฺรามฺหิ อุปปนฺโน’ติ วตฺวา ตตฺเถว อุตฺตาโน ปปติ.
อถ โข, ภคฺคว, สุนกฺขตฺโต ลิจฺฉวิปุตฺโต เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อหํ, ภคฺคว, สุนกฺขตฺตํ ลิจฺฉวิปุตฺตํ เอตทโวจํ— ‘ตํ กิํ มญฺญสิ, สุนกฺขตฺต, ยเถว เต อหํ อเจลํ โกรกฺขตฺติยํ อารพฺภ พฺยากาสิํ, ตเถว ตํ วิปากํ, อญฺญถา วา’ติ? ‘ยเถว เม, ภนฺเต, ภควา อเจลํ โกรกฺขตฺติยํ อารพฺภ พฺยากาสิ, ตเถว ตํ วิปากํ, โน อญฺญถา’ติ. ‘ตํ กิํ มญฺญสิ, สุนกฺขตฺต, ยทิ เอวํ สนฺเต กตํ วา โหติ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฏิหาริยํ, อกตํ วา’ติ? ‘อทฺธา โข, ภนฺเต, เอวํ สนฺเต กตํ โหติ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฏิหาริยํ, โน อกตนฺ’ติ. ‘เอวมฺปิ โข มํ ตฺวํ, โมฆปุริส, อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฏิหาริยํ กโรนฺตํ เอวํ วเทสิ— น หิ ปน เม, ภนฺเต, ภควา อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฏิหาริยํ กโรตีติ. ปสฺส, โมฆปุริส, ยาวญฺจ เต อิทํ อปรทฺธนฺ’ติ. เอวมฺปิ โข, ภคฺคว, สุนกฺขตฺโต ลิจฺฉวิปุตฺโต มยา วุจฺจมาโน อปกฺกเมว อิมสฺมา ธมฺมวินยา, ยถา ตํ อาปายิโก เนรยิโก.