8.10 อาลสฺยสฺส ฉ อาทีนวา
ฉ โขเม, คหปติปุตฺต, อาทีนวา อาลสฺยานุโยเค. อติสีตนฺติ กมฺมํ น กโรติ, อติอุณฺหนฺติ กมฺมํ น กโรติ, อติสายนฺติ กมฺมํ น กโรติ, อติปาโตติ กมฺมํ น กโรติ, อติฉาโตสฺมีติ กมฺมํ น กโรติ, อติธาโตสฺมีติ กมฺมํ น กโรติ. ตสฺส เอวํ กิจฺจาปเทสพหุลสฺส วิหรโต อนุปฺปนฺนา เจว โภคา นุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ โภคา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ. อิเม โข, คหปติปุตฺต, ฉ อาทีนวา อาลสฺยานุโยเค”ติ.
อิทมโวจ ภควา. อิทํ วตฺวาน สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา—
“โหติ ปานสขา นาม,
โหติ สมฺมิยสมฺมิโย;
โย จ อตฺเถสุ ชาเตสุ,
สหาโย โหติ โส สขา.
อุสฺสูรเสยฺยา ปรทารเสวนา,_
เวรปฺปสโว จ อนตฺถตา จ;
ปาปา จ มิตฺตา สุกทริยตา จ,
เอเต ฉ ฐานา ปุริสํ ธํสยนฺติ.
ปาปมิตฺโต ปาปสโข,
ปาปอาจารโคจโร;
อสฺมา โลกา ปรมฺหา จ,
อุภยา ธํสเต นโร._
อกฺขิตฺถิโย วารุณี นจฺจคีตํ,
ทิวา โสปฺปํ ปาริจริยา อกาเล;
ปาปา จ มิตฺตา สุกทริยตา จ,
เอเต ฉ ฐานา ปุริสํ ธํสยนฺติ.
อกฺเขหิ ทิพฺพนฺติ สุรํ ปิวนฺติ,
ยนฺติตฺถิโย ปาณสมา ปเรสํ;
นิหีนเสวี น จ วุทฺธเสวี,
นิหียเต กาฬปกฺเขว จนฺโท.
โย วารุณี อทฺธโน อกิญฺจโน,
ปิปาโส ปิวํ ปปาคโต;
อุทกมิว อิณํ วิคาหติ,_
อกุลํ กาหิติ ขิปฺปมตฺตโน.
น ทิวา โสปฺปสีเลน,
รตฺติมุฏฺฐานเทสฺสินา;
นิจฺจํ มตฺเตน โสณฺเฑน,
สกฺกา อาวสิตุํ ฆรํ.
อติสีตํ อติอุณฺหํ,
อติสายมิทํ อหุ;
อิติ วิสฺสฏฺฐกมฺมนฺเต,_
อตฺถา อจฺเจนฺติ มาณเว.
โยธ สีตญฺจ อุณฺหญฺจ,
ติณา ภิโยฺย น มญฺญติ;
กรํ ปุริสกิจฺจานิ,
โส สุขํ น วิหายตี”ติ.