4.1.12 โอตรณหารวิภงฺค
ตตฺถ กตโม โอตรโณ หาโร? “โย จ ปฏิจฺจุปฺปาโท”ติ.
“อุทฺธํ อโธ สพฺพธิ วิปฺปมุตฺโต,
อยํ อหสฺมีติ อนานุปสฺสี;
เอวํ วิมุตฺโต อุทตาริ โอฆํ,
อติณฺณปุพฺพํ อปุนพฺภวายา”ติ.
“อุทฺธนฺ” ติ รูปธาตุ จ อรูปธาตุ จ. “อโธ” ติ กามธาตุ. “สพฺพธิ วิปฺปมุตฺโต” ติ เตธาตุเก อยํ อเสกฺขาวิมุตฺติ. ตานิเยว อเสกฺขานิ ปญฺจินฺทฺริยานิ, อยํ อินฺทฺริเยหิ โอตรณา.
ตานิเยว อเสกฺขานิ ปญฺจินฺทฺริยานิ วิชฺชา, วิชฺชุปฺปาทา อวิชฺชานิโรโธ, อวิชฺชานิโรธา สงฺขารนิโรโธ, สงฺขารนิโรธา วิญฺญาณนิโรโธ, วิญฺญาณนิโรธา นามรูปนิโรโธ, นามรูปนิโรธา สฬายตนนิโรโธ, สฬายตนนิโรธา ผสฺสนิโรโธ, ผสฺสนิโรธา เวทนานิโรโธ, เวทนานิโรธา ตณฺหานิโรโธ, ตณฺหานิโรธา อุปาทานนิโรโธ, อุปาทานนิโรธา ภวนิโรโธ, ภวนิโรธา ชาตินิโรโธ, ชาตินิโรธา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา นิรุชฺฌนฺติ. เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหติ. อยํ ปฏิจฺจสมุปฺปาเทหิ โอตรณา.
ตานิเยว อเสกฺขานิ ปญฺจินฺทฺริยานิ ตีหิ ขนฺเธหิ สงฺคหิตานิ— สีลกฺขนฺเธน สมาธิกฺขนฺเธน ปญฺญากฺขนฺเธน, อยํ ขนฺเธหิ โอตรณา.
ตานิเยว อเสกฺขานิ ปญฺจินฺทฺริยานิ สงฺขารปริยาปนฺนานิ เย สงฺขารา อนาสวา, โน จ ภวงฺคา, เต สงฺขารา ธมฺมธาตุสงฺคหิตา. อยํ ธาตูหิ โอตรณา.
สา ธมฺมธาตุ ธมฺมายตนปริยาปนฺนา, ยํ อายตนํ อนาสวํ, โน จ ภวงฺคํ. อยํ อายตเนหิ โอตรณา.
“อยํ อหสฺมีติ อนานุปสฺสี”ติ อยํ สกฺกายทิฏฺฐิยา สมุคฺฆาโต, สา เสกฺขาวิมุตฺติ, ตานิเยว เสกฺขานิ ปญฺจินฺทฺริยานิ. อยํ อินฺทฺริเยหิ โอตรณา.
ตานิเยว เสกฺขานิ ปญฺจินฺทฺริยานิ วิชฺชา, วิชฺชุปฺปาทา อวิชฺชานิโรโธ, อวิชฺชานิโรธา สงฺขารนิโรโธ, เอวํ สพฺโพ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท. อยํ ปฏิจฺจสมุปฺปาเทหิ โอตรณา.
สาเยว วิชฺชา ปญฺญากฺขนฺโธ. อยํ ขนฺเธหิ โอตรณา.
สาเยว วิชฺชา สงฺขารปริยาปนฺนา, เย สงฺขารา อนาสวา, โน จ ภวงฺคา, เต สงฺขารา ธมฺมธาตุสงฺคหิตา, อยํ ธาตูหิ โอตรณา.
สา ธมฺมธาตุ ธมฺมายตนปริยาปนฺนา, ยํ อายตนํ อนาสวํ, โน จ ภวงฺคํ, อยํ อายตเนหิ โอตรณา.
เสกฺขาย จ วิมุตฺติยา อเสกฺขาย จ วิมุตฺติยา วิมุตฺโต อุทตาริ โอฆํ อติณฺณปุพฺพํ อปุนพฺภวาย. เตนาห ภควา “อุทฺธํ อโธ”ติ.
“นิสฺสิตสฺส จลิตํ, อนิสฺสิตสฺส จลิตํ นตฺถิ, จลิเต อสติ ปสฺสทฺธิ, ปสฺสทฺธิยา สติ นติ น โหติ, นติยา อสติ อาคติคติ น โหติ, อาคติคติยา อสติ จุตูปปาโต น โหติ, จุตูปปาเต อสติ เนวิธ น หุรํ น อุภยมนฺตเรน เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺสา”ติ.
“นิสฺสิตสฺส จลิตนฺ” ติ นิสฺสโย นาม ทุวิโธ ตณฺหานิสฺสโย จ ทิฏฺฐินิสฺสโย จ. ตตฺถ ยา รตฺตสฺส เจตนา, อยํ ตณฺหานิสฺสโย; ยา มูฬฺหสฺส เจตนา, อยํ ทิฏฺฐินิสฺสโย. เจตนา ปน สงฺขารา, สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณํ, วิญฺญาณปจฺจยา นามรูปํ, เอวํ สพฺโพ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท. อยํ ปฏิจฺจสมุปฺปาเทหิ โอตรณา.
ตตฺถ ยา รตฺตสฺส เวทนา, อยํ สุขา เวทนา. ยา สมฺมูฬฺหสฺส เวทนา, อยํ อทุกฺขมสุขา เวทนา, อิมา ทฺเว เวทนา เวทนากฺขนฺโธ. อยํ ขนฺเธหิ โอตรณา.
ตตฺถ สุขา เวทนา ทฺเว อินฺทฺริยานิ สุขินฺทฺริยํ โสมนสฺสินฺทฺริยญฺจ, อทุกฺขมสุขา เวทนา อุเปกฺขินฺทฺริยํ. อยํ อินฺทฺริเยหิ โอตรณา.
ตานิเยว อินฺทฺริยานิ สงฺขารปริยาปนฺนานิ, เย สงฺขารา สาสวา ภวงฺคา, เต สงฺขารา ธมฺมธาตุสงฺคหิตา. อยํ ธาตูหิ โอตรณา.
สา ธมฺมธาตุ ธมฺมายตนปริยาปนฺนา, ยํ อายตนํ สาสวํ ภวงฺคํ, อยํ อายตเนหิ โอตรณา.
“อนิสฺสิตสฺส จลิตํ นตฺถี” ติ สมถวเสน วา ตณฺหาย อนิสฺสิโต วิปสฺสนาวเสน วา ทิฏฺฐิยา อนิสฺสิโต. ยา วิปสฺสนา อยํ วิชฺชา, วิชฺชุปฺปาทา อวิชฺชานิโรโธ, อวิชฺชานิโรธา สงฺขารนิโรโธ, สงฺขารนิโรธา วิญฺญาณนิโรโธ, เอวํ สพฺโพ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท. อยํ ปฏิจฺจสมุปฺปาเทหิ โอตรณา.
สาเยว วิปสฺสนา ปญฺญากฺขนฺโธ. อยํ ขนฺเธหิ โอตรณา.
สาเยว วิปสฺสนา ทฺเว อินฺทฺริยานิ— วีริยินฺทฺริยญฺจ ปญฺญินฺทฺริยญฺจ. อยํ อินฺทฺริเยหิ โอตรณา.
สาเยว วิปสฺสนา สงฺขารปริยาปนฺนา, เย สงฺขารา อนาสวา, โน จ ภวงฺคา, เต สงฺขารา ธมฺมธาตุสงฺคหิตา. อยํ ธาตูหิ โอตรณา.
สา ธมฺมธาตุ ธมฺมายตนปริยาปนฺนา, ยํ อายตนํ อนาสวํ, โน จ ภวงฺคํ. อยํ อายตเนหิ โอตรณา.
“ปสฺสทฺธิยา สตี” ติ ทุวิธา ปสฺสทฺธิ กายิกา จ เจตสิกา จ. ยํ กายิกํ สุขํ, อยํ กายปสฺสทฺธิ. ยํ เจตสิกํ สุขํ, อยํ เจตสิกา ปสฺสทฺธิ. ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทิยติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติ, สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาติ, ยถาภูตํ ปชานนฺโต นิพฺพินฺทติ, นิพฺพินฺทนฺโต วิรชฺชติ, วิราคา วิมุจฺจติ, วิมุตฺตสฺมิํ “วิมุตฺตมฺ”อิติ ญาณํ โหติ, “ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา”ติ ปชานาติ. โส น นมติ รูเปสุ, น สทฺเทสุ, น คนฺเธสุ, น รเสสุ, น โผฏฺฐพฺเพสุ, น ธมฺเมสุ ขยา ราคสฺส ขยา โทสสฺส ขยา โมหสฺส เยน รูเปน ตถาคตํ ติฏฺฐนฺตํ จรนฺตํ ปญฺญาปยมาโน ปญฺญาเปยฺย, ตสฺส รูปสฺส ขยา วิราคา นิโรธา จาคา ปฏินิสฺสคฺคา รูปสงฺขเย วิมุตฺโต, ตถาคโต อตฺถีติปิ น อุเปติ, นตฺถีติปิ น อุเปติ, อตฺถิ นตฺถีติปิ น อุเปติ, เนวตฺถิ โน นตฺถีติปิ น อุเปติ. อถ โข คมฺภีโร อปฺปเมโยฺย อสงฺเขโยฺย นิพฺพุโตติเยว สงฺขํ คจฺฉติ ขยา ราคสฺส, ขยา โทสสฺส, ขยา โมหสฺส.
ยาย เวทนาย …เป… ยาย สญฺญาย. เยหิ สงฺขาเรหิ. เยน วิญฺญาเณน ตถาคตํ ติฏฺฐนฺตํ จรนฺตํ ปญฺญาปยมาโน ปญฺญาเปยฺย, ตสฺส วิญฺญาณสฺส ขยา วิราคา นิโรธา จาคา ปฏินิสฺสคฺคา วิญฺญาณสงฺขเย วิมุตฺโต, ตถาคโต อตฺถีติปิ น อุเปติ, นตฺถีติปิ น อุเปติ, อตฺถิ นตฺถีติปิ น อุเปติ, เนวตฺถิ โน นตฺถีติปิ น อุเปติ. อถ โข คมฺภีโร อปฺปเมโยฺย อสงฺเขโยฺย นิพฺพุโตติเยว สงฺขํ คจฺฉติ ขยา ราคสฺส, ขยา โทสสฺส, ขยา โมหสฺส. “อาคตี” ติ อิธาคติ. “คตี” ติ เปจฺจภโว. อาคติคตีปิ น ภวนฺติ, “เนวิธา” ติ ฉสุ อชฺฌตฺติเกสุ อายตเนสุ. “น หุรนฺ” ติ ฉสุ พาหิเรสุ อายตเนสุ. “น อุภยมนฺตเรนา”ติ ผสฺสสมุทิเตสุ ธมฺเมสุ อตฺตานํ น ปสฺสติ. “เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺสา” ติ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท. โส ทุวิโธ โลกิโย จ โลกุตฺตโร จ. ตตฺถ โลกิโย อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา, ยาว ชรามรณา. โลกุตฺตโร สีลวโต อวิปฺปฏิสาโร ชายติ, ยาว นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาติ. เตนาห ภควา “นิสฺสิตสฺส จลิตํ อนิสฺสิตสฺส จลิตํ นตฺถิ …เป… เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺสา”ติ.
“เย เกจิ โสกา ปริเทวิตา วา,
ทุกฺขา จ โลกสฺมิมเนกรูปา;
ปิยํ ปฏิจฺจปฺปภวนฺติ เอเต,
ปิเย อสนฺเต น ภวนฺติ เอเต.
ตสฺมา หิ เต สุขิโน วีตโสกา,
เยสํ ปิยํ นตฺถิ กุหิญฺจิ โลเก;
ตสฺมา อโสกํ วิรชํ ปตฺถยาโน,
ปิยํ น กยิราถ กุหิญฺจิ โลเก”ติ.
“เย เกจิ โสกา ปริเทวิตา วา, ทุกฺขา จ โลกสฺมิมเนกรูปา ปิยํ ปฏิจฺจปฺปภวนฺติ เอเต”ติ— อยํ ทุกฺขา เวทนา. “ปิเย อสนฺเต น ภวนฺติ เอเต”ติ— อยํ สุขา เวทนา. เวทนา เวทนากฺขนฺโธ. อยํ ขนฺเธหิ โอตรณา.
เวทนาปจฺจยา ตณฺหา, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ, อุปาทานปจฺจยา ภโว, ภวปจฺจยา ชาติ, ชาติปจฺจยา ชรามรณํ, เอวํ สพฺพํ. อยํ ปฏิจฺจสมุปฺปาเทหิ โอตรณา.
ตตฺถ สุขา เวทนา ทฺเว อินฺทฺริยานิ— สุขินฺทฺริยํ โสมนสฺสินฺทฺริยญฺจ. ทุกฺขา เวทนา ทฺเว อินฺทฺริยานิ— ทุกฺขินฺทฺริยํ โทมนสฺสินฺทฺริยญฺจ. อยํ อินฺทฺริเยหิ โอตรณา.
ตานิเยว อินฺทฺริยานิ สงฺขารปริยาปนฺนานิ, เย สงฺขารา สาสวา ภวงฺคา, เต สงฺขารา ธมฺมธาตุสงฺคหิตา. อยํ ธาตูหิ โอตรณา.
สา ธมฺมธาตุ ธมฺมายตนปริยาปนฺนา, ยํ อายตนํ สาสวํ ภวงฺคํ. อยํ อายตเนหิ โอตรณา.
“ตสฺมา หิ เต สุขิโน วีตโสกา,
เยสํ ปิยํ นตฺถิ กุหิญฺจิ โลเก;
ตสฺมา อโสกํ วิรชํ ปตฺถยาโน,
ปิยํ น กยิราถ กุหิญฺจิ โลเก”ติ.
อิทํ ตณฺหาปหานํ. ตณฺหานิโรธา อุปาทานนิโรโธ, อุปาทานนิโรธา ภวนิโรโธ, เอวํ สพฺพํ. อยํ ปฏิจฺจสมุปฺปาเทหิ โอตรณา.
ตํเยว ตณฺหาปหานํ สมโถ. โส สมโถ ทฺเว อินฺทฺริยานิ สตินฺทฺริยํ สมาธินฺทฺริยญฺจ. อยํ อินฺทฺริเยหิ โอตรณา.
โสเยว สมโถ สมาธิกฺขนฺโธ. อยํ ขนฺเธหิ โอตรณา.
โสเยว สมโถ สงฺขารปริยาปนฺโน, เย สงฺขารา อนาสวา, โน จ ภวงฺคา, เต สงฺขารา ธมฺมธาตุสงฺคหิตา. อยํ ธาตูหิ โอตรณา.
สา ธมฺมธาตุ ธมฺมายตนปริยาปนฺนา, ยํ อายตนํ อนาสวํ, โน จ ภวงฺคํ. อยํ อายตเนหิ โอตรณา. เตนาห ภควา “เย เกจิ โสกา”ติ.
“กามํ กามยมานสฺส,
ตสฺส เจ ตํ สมิชฺฌติ;
อทฺธา ปีติมโน โหติ,
ลทฺธา มจฺโจ ยทิจฺฉติ.
ตสฺส เจ กามยานสฺส,
ฉนฺทชาตสฺส ชนฺตุโน;
เต กามา ปริหายนฺติ,
สลฺลวิทฺโธว รุปฺปติ.
โย กาเม ปริวชฺเชติ,
สปฺปเสฺสว ปทา สิโร;
โสมํ วิสตฺติกํ โลเก,
สโต สมติวตฺตตี”ติ.
ตตฺถ ยา ปีติมนตา, อยํ อนุนโย. ยทาห สลฺลวิทฺโธว รุปฺปตีติ, อิทํ ปฏิฆํ. อนุนยํ ปฏิฆญฺจ ปน ตณฺหาปกฺโข, ตณฺหาย จ ปน ทสรูปีนิ อายตนานิ ปทฏฺฐานํ. อยํ อายตเนหิ โอตรณา.
ตานิเยว ทส รูปีนิ รูปกาโย นามสมฺปยุตฺโต, ตทุภยํ นามรูปํ, นามรูปปจฺจยา สฬายตนํ, สฬายตนปจฺจยา ผโสฺส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา, เวทนาปจฺจยา ตณฺหา, เอวํ สพฺพํ. อยํ ปฏิจฺจสมุปฺปาเทหิ โอตรณา.
ตเทว นามรูปํ ปญฺจกฺขนฺโธ. อยํ ขนฺเธหิ โอตรณา.
ตเทว นามรูปํ อฏฺฐารส ธาตุโย. อยํ ธาตูหิ โอตรณา.
ตตฺถ โย รูปกาโย อิมานิ ปญฺจ รูปีนิ อินฺทฺริยานิ, โย นามกาโย อิมานิ ปญฺจ อรูปีนิ อินฺทฺริยานิ, อิมานิ ทส อินฺทฺริยานิ. อยํ อินฺทฺริเยหิ โอตรณา.
ตตฺถ ยทาห—
“โย กาเม ปริวชฺเชติ,
สปฺปเสฺสว ปทา สิโร;
โสมํ วิสตฺติกํ โลเก,
สโต สมติวตฺตตี”ติ.
อยํ เสาปาทิเสสา นิพฺพานธาตุ, อยํ ธาตูหิ โอตรณา.
สาเยว เสาปาทิเสสา นิพฺพานธาตุ วิชฺชา, วิชฺชุปฺปาทา อวิชฺชานิโรโธ, อวิชฺชานิโรธา สงฺขารนิโรโธ, เอวํ สพฺพํ. อยํ ปฏิจฺจสมุปฺปาเทหิ โอตรณา.
สาเยว วิชฺชา ปญฺญากฺขนฺโธ. อยํ ขนฺเธหิ โอตรณา.
สาเยว วิชฺชา ทฺเว อินฺทฺริยานิ— วีริยินฺทฺริยํ ปญฺญินฺทฺริยญฺจ. อยํ อินฺทฺริเยหิ โอตรณา.
สาเยว วิชฺชา สงฺขารปริยาปนฺนา, เย สงฺขารา อนาสวา, โน จ ภวงฺคา, เต สงฺขารา ธมฺมธาตุสงฺคหิตา. อยํ ธาตูหิ โอตรณา.
สา ธมฺมธาตุ ธมฺมายตนปริยาปนฺนา, ยํ อายตนํ อนาสวํ, โน จ ภวงฺคํ. อยํ อายตเนหิ โอตรณา. เตนาห ภควา “กามํ กามยมานสฺสา”ติ.
เอตฺตาวตา ปฏิจฺจ อินฺทฺริยขนฺธธาตุอายตนานิ สโมสรโณตรณานิ ภวนฺติ. เอวํ ปฏิจฺจ อินฺทฺริยขนฺธธาตุอายตนานิ โอตาเรตพฺพานิ. เตนาห อายสฺมา มหากจฺจายโน “โย จ ปฏิจฺจุปฺปาโท”ติ.
นิยุตฺโต โอตรโณ หาโร.