4.1.7 อาวฏฺฏหารวิภงฺค
ตตฺถ กตโม อาวฏฺโฏ หาโร? “เอกมฺหิ ปทฏฺฐาเน”ติ อยํ.
“อารมฺภถ นิกฺกมถ,
ยุญฺชถ พุทฺธสาสเน;
ธุนาถ มจฺจุโน เสนํ,
นฬาคารํว กุญฺชโร”ติ.
“อารมฺภถ นิกฺกมถา”ติ วีริยสฺส ปทฏฺฐานํ. “ยุญฺชถ พุทฺธสาสเน”ติ สมาธิสฺส ปทฏฺฐานํ. “ธุนาถ มจฺจุโน เสนํ, นฬาคารํว กุญฺชโร”ติ ปญฺญาย ปทฏฺฐานํ. “อารมฺภถ นิกฺกมถา”ติ วีริยินฺทฺริยสฺส ปทฏฺฐานํ. “ยุญฺชถ พุทฺธสาสเน”ติ สมาธินฺทฺริยสฺส ปทฏฺฐานํ. “ธุนาถ มจฺจุโน เสนํ, นฬาคารํว กุญฺชโร”ติ ปญฺญินฺทฺริยสฺส ปทฏฺฐานํ. อิมานิ ปทฏฺฐานานิ เทสนา.
อยุญฺชนฺตานํ วา สตฺตานํ โยเค, ยุญฺชนฺตานํ วา อารมฺโภ.
ตตฺถ เย น ยุญฺชนฺติ, เต ปมาทมูลกา น ยุญฺชนฺติ. โส ปมาโท ทุวิโธ ตณฺหามูลโก อวิชฺชามูลโก จ. ตตฺถ อวิชฺชามูลโก เยน อญฺญาเณน นิวุโต เญยฺยฏฺฐานํ นปฺปชานาติ ปญฺจกฺขนฺธา อุปฺปาทวยธมฺมาติ, อยํ อวิชฺชามูลโก. โย ตณฺหามูลโก, โส ติวิโธ อนุปฺปนฺนานํ โภคานํ อุปฺปาทาย ปริเยสนฺโต ปมาทํ อาปชฺชติ, อุปฺปนฺนานํ โภคานํ อารกฺขนิมิตฺตํ ปริโภคนิมิตฺตญฺจ ปมาทํ อาปชฺชติ อยํ โลเก จตุพฺพิโธ ปมาโท เอกวิโธ อวิชฺชาย ติวิโธ ตณฺหาย. ตตฺถ อวิชฺชาย นามกาโย ปทฏฺฐานํ. ตณฺหาย รูปกาโย ปทฏฺฐานํ. ตํ กิสฺส เหตุ, รูปีสุ ภเวสุ อชฺโฌสานํ, อรูปีสุ สมฺโมโห? ตตฺถ รูปกาโย รูปกฺขนฺโธ นามกาโย จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺธา. อิเม ปญฺจกฺขนฺธา กตเมน อุปาทาเนน เสาปาทานา, ตณฺหาย จ อวิชฺชาย จ? ตตฺถ ตณฺหา ทฺเว อุปาทานานิ กามุปาทานญฺจ สีลพฺพตุปาทานญฺจ. อวิชฺชา ทฺเว อุปาทานานิ ทิฏฺฐุปาทานญฺจ อตฺตวาทุปาทานญฺจ. อิเมหิ จตูหิ อุปาทาเนหิ เย เสาปาทานา ขนฺธา, อิทํ ทุกฺขํ. จตฺตาริ อุปาทานานิ, อยํ สมุทโย. ปญฺจกฺขนฺธา ทุกฺขํ. เตสํ ภควา ปริญฺญาย ปหานาย จ ธมฺมํ เทเสติ ทุกฺขสฺส ปริญฺญาย สมุทยสฺส ปหานาย.
ตตฺถ โย ติวิโธ ตณฺหามูลโก ปมาโท อนุปฺปนฺนานํ โภคานํ อุปฺปาทาย ปริเยสติ, อุปฺปนฺนานํ โภคานํ อารกฺขณญฺจ กโรติ ปริโภคนิมิตฺตญฺจ, ตสฺส สมฺปฏิเวเธน รกฺขณา ปฏิสํหรณา, อยํ สมโถ.
โส กถํ ภวติ? ยทา ชานาติ กามานํ อสฺสาทญฺจ อสฺสาทโต อาทีนวญฺจ อาทีนวโต นิสฺสรณญฺจ นิสฺสรณโต โอการญฺจ สํกิเลสญฺจ โวทานญฺจ เนกฺขมฺเม จ อานิสํสํ. ตตฺถ ยา วีมํสา อุปปริกฺขา อยํ วิปสฺสนา. อิเม ทฺเว ธมฺมา ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉนฺติ สมโถ จ วิปสฺสนา จ. อิเมสุ ทฺวีสุ ธมฺเมสุ ภาวิยมาเนสุ ทฺเว ธมฺมา ปหียนฺติ ตณฺหา จ อวิชฺชา จ, อิเมสุ ทฺวีสุ ธมฺเมสุ ปหีเนสุ จตฺตาริ อุปาทานานิ นิรุชฺฌนฺติ. อุปาทานนิโรธา ภวนิโรโธ, ภวนิโรธา ชาตินิโรโธ, ชาตินิโรธา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา นิรุชฺฌนฺติ. เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหติ. อิติ ปุริมกานิ จ ทฺเว สจฺจานิ ทุกฺขํ สมุทโย จ, สมโถ จ วิปสฺสนา จ มคฺโค. ภวนิโรโธ นิพฺพานํ อิมานิ จตฺตาริ สจฺจานิ. เตนาห ภควา “อารมฺภถ นิกฺกมถา”ติ.
“ยถาปิ มูเล อนุปทฺทเว ทเฬฺห,
ฉินฺโนปิ รุกฺโข ปุนเรว รูหติ;
เอวมฺปิ ตณฺหานุสเย อนูหเต,
นิพฺพตฺตตี ทุกฺขมิทํ ปุนปฺปุนํ”.
อยํ ตณฺหานุสโย. กตมสฺสา ตณฺหาย? ภวตณฺหาย. โย เอตสฺส ธมฺมสฺส ปจฺจโย อยํ อวิชฺชา. อวิชฺชาปจฺจยา หิ ภวตณฺหา. อิเม ทฺเว กิเลสา ตณฺหา จ อวิชฺชา จ. ตานิ จตฺตาริ อุปาทานานิ เตหิ จตูหิ อุปาทาเนหิ เย เสาปาทานา ขนฺธา, อิทํ ทุกฺขํ. จตฺตาริ อุปาทานานิ อยํ สมุทโย. ปญฺจกฺขนฺธา ทุกฺขํ. เตสํ ภควา ปริญฺญาย จ ปหานาย จ ธมฺมํ เทเสติ ทุกฺขสฺส ปริญฺญาย สมุทยสฺส ปหานาย.
เยน ตณฺหานุสยํ สมูหนติ, อยํ สมโถ. เยน ตณฺหานุสยสฺส ปจฺจยํ อวิชฺชํ วารยติ, อยํ วิปสฺสนา. อิเม ทฺเว ธมฺมา ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉนฺติ สมโถ จ วิปสฺสนา จ. ตตฺถ สมถสฺส ผลํ ราควิราคา เจโตวิมุตฺติ, วิปสฺสนาย ผลํ อวิชฺชาวิราคา ปญฺญาวิมุตฺติ. อิติ ปุริมกานิ จ ทฺเว สจฺจานิ ทุกฺขํ สมุทโย จ, สมโถ วิปสฺสนา จ มคฺโค, ทฺเว จ วิมุตฺติโย นิโรโธ. อิมานิ จตฺตาริ สจฺจานิ. เตนาห ภควา “ยถาปิ มูเล”ติ.
“สพฺพปาปสฺส อกรณํ,
กุสลสฺส อุปสมฺปทา;
สจิตฺตปริโยทาปนํ,
เอตํ พุทฺธาน สาสนนฺ”ติ.
สพฺพปาปํ นาม ตีณิ ทุจฺจริตานิ กายทุจฺจริตํ วจีทุจฺจริตํ มโนทุจฺจริตํ, เต ทส อกุสลกมฺมปถา ปาณาติปาโต อทินฺนาทานํ กาเมสุมิจฺฉาจาโร มุสาวาโท ปิสุณา วาจา ผรุสา วาจา สมฺผปฺปลาโป อภิชฺฌา พฺยาปาโท มิจฺฉาทิฏฺฐิ, ตานิ ทฺเว กมฺมานิ เจตนา เจตสิกญฺจ. ตตฺถ โย จ ปาณาติปาโต ยา จ ปิสุณา วาจา ยา จ ผรุสา วาจา, อิทํ โทสสมุฏฺฐานํ. ยญฺจ อทินฺนาทานํ โย จ กาเมสุมิจฺฉาจาโร โย จ มุสาวาโท, อิทํ โลภสมุฏฺฐานํ, โย สมฺผปฺปลาโป, อิทํ โมหสมุฏฺฐานํ. อิมานิ สตฺต การณานิ เจตนากมฺมํ. ยา อภิชฺฌา, อยํ โลโภ อกุสลมูลํ. โย พฺยาปาโท, อยํ โทโส อกุสลมูลํ. ยา มิจฺฉาทิฏฺฐิ, อยํ มิจฺฉามคฺโค. อิมานิ ตีณิ การณานิ เจตสิกกมฺมํ. เตนาห “เจตนากมฺมํ เจตสิกกมฺมนฺ”ติ.
อกุสลมูลํ ปโยคํ คจฺฉนฺตํ จตุพฺพิธํ อคติํ คจฺฉติ ฉนฺทา โทสา ภยา โมหา. ตตฺถ ยํ ฉนฺทา อคติํ คจฺฉติ, อิทํ โลภสมุฏฺฐานํ. ยํ โทสา อคติํ คจฺฉติ, อิทํ โทสสมุฏฺฐานํ. ยํ ภยา จ โมหา จ อคติํ คจฺฉติ, อิทํ โมหสมุฏฺฐานํ. ตตฺถ โลโภ อสุภาย ปหียติ. โทโส เมตฺตาย. โมโห ปญฺญาย. ตถา โลโภ อุเปกฺขาย ปหียติ. โทโส เมตฺตาย จ กรุณาย จ. โมโห มุทิตาย ปหานํ อพฺภตฺถํ คจฺฉติ. เตนาห ภควา “สพฺพปาปสฺส อกรณนฺ”ติ.
สพฺพปาปํ นาม อฏฺฐ มิจฺฉตฺตานิ มิจฺฉาทิฏฺฐิ มิจฺฉาสงฺกปฺโป มิจฺฉาวาจา มิจฺฉากมฺมนฺโต มิจฺฉาอาชีโว มิจฺฉาวายาโม มิจฺฉาสติ มิจฺฉาสมาธิ, อิทํ วุจฺจติ สพฺพปาปํ. อิเมสํ อฏฺฐนฺนํ มิจฺฉตฺตานํ ยา อกิริยา อกรณํ อนชฺฌาจาโร, อิทํ วุจฺจติ สพฺพปาปสฺส อกรณํ.
อฏฺฐสุ มิจฺฉตฺเตสุ ปหีเนสุ อฏฺฐ สมฺมตฺตานิ สมฺปชฺชนฺติ. อฏฺฐนฺนํ สมฺมตฺตานํ ยา กิริยา กรณํ สมฺปาทนํ, อยํ วุจฺจติ กุสลสฺส อุปสมฺปทา. สจิตฺตปริโยทาปนนฺติ อตีตสฺส มคฺคสฺส ภาวนากิริยํ ทสฺสยติ, จิตฺเต ปริโยทาปิเต ปญฺจกฺขนฺธา ปริโยทาปิตา ภวนฺติ, เอวญฺหิ ภควา อาห— “เจโตวิสุทฺธตฺถํ, ภิกฺขเว, ตถาคเต พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี”ติ. ทุวิธา หิ ปริโยทาปนา นีวรณปฺปหานญฺจ อนุสยสมุคฺฆาโต จ. ทฺเว ปริโยทาปนภูมิโย ทสฺสนภูมิ จ, ภาวนาภูมิ จ, ตตฺถ ยํ ปฏิเวเธน ปริโยทาเปติ, อิทํ ทุกฺขํ. ยโต ปริโยทาเปติ, อยํ สมุทโย. เยน ปริโยทาเปติ, อยํ มคฺโค. ยํ ปริโยทาปิตํ, อยํ นิโรโธ. อิมานิ จตฺตาริ สจฺจานิ. เตนาห ภควา “สพฺพปาปสฺส อกรณนฺ”ติ.
“ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจาริํ,
ฉตฺตํ มหนฺตํ ยถ วสฺสกาเล;
เอสานิสํโส ธมฺเม สุจิณฺเณ,
น ทุคฺคติํ คจฺฉติ ธมฺมจารี”ติ.
ธมฺโม นาม ทุวิโธ อินฺทฺริยสํวโร มคฺโค จ. ทุคฺคติ นาม ทุวิธา เทวมนุเสฺส วา อุปนิธาย อปายา ทุคฺคติ, นิพฺพานํ วา อุปนิธาย สพฺพา อุปปตฺติโย ทุคฺคติ. ตตฺถ ยา สํวรสีเล อขณฺฑการิตา, อยํ ธมฺโม สุจิณฺโณ อปาเยหิ รกฺขติ. เอวํ ภควา อาห— “ทฺเวมา, ภิกฺขเว, สีลวโต คติโย เทวา จ มนุสฺสา จ”. เอวญฺจ นาฬนฺทายํ นิคเม อสิพนฺธกปุตฺโต คามณิ ภควนฺตํ เอตทโวจ—
“พฺราหฺมณา, ภนฺเต, ปจฺฉาภูมกา กามณฺฑลุกา เสวาลมาลิกา อุทโกโรหกา อคฺคิปริจารกา, เต มตํ กาลงฺกตํ อุยฺยาเปนฺติ นาม, สญฺญาเปนฺติ นาม, สคฺคํ นาม โอกฺกาเมนฺติ. ภควา ปน, ภนฺเต, อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปโหติ ตถา กาตุํ, ยถา สพฺโพ โลโก กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺเชยฺยา”ติ.
“เตน หิ, คามณิ, ตญฺเญเวตฺถ ปฏิปุจฺฉิสฺสามิ, ยถา เต ขเมยฺย, ตถา นํ พฺยากเรยฺยาสีติ.
ตํ กิํ มญฺญสิ, คามณิ, อิธสฺส ปุริโส ปาณาติปาตี อทินฺนาทายี กาเมสุมิจฺฉาจารี มุสาวาที ปิสุณวาโจ ผรุสวาโจ สมฺผปฺปลาปี อภิชฺฌาลุ พฺยาปนฺนจิตฺโต มิจฺฉาทิฏฺฐิโก, ตเมนํ มหา ชนกาโย สงฺคมฺม สมาคมฺม อายาเจยฺย โถเมยฺย ปญฺชลิโก อนุปริสกฺเกยฺย ‘อยํ ปุริโส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชตู’ติ. ตํ กิํ มญฺญสิ, คามณิ, อปิ นุ โส ปุริโส มหโต ชนกายสฺส อายาจนเหตุ วา โถมนเหตุวา ปญฺชลิกํ อนุปริสกฺกนเหตุ วา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺเชยฺยา”ติ. “โน เหตํ, ภนฺเต”.
“เสยฺยถาปิ, คามณิ, ปุริโส มหติํ ปุถุสิลํ คมฺภีเร อุทกรหเท ปกฺขิเปยฺย, ตเมนํ มหา ชนกาโย สงฺคมฺม สมาคมฺม อายาเจยฺย โถเมยฺย ปญฺชลิโก อนุปริสกฺเกยฺย ‘อุมฺมุชฺช, โภ, ปุถุสิเล, อุปฺลว โภ ปุถุสิเล, ถลมุปฺลว, โภ ปุถุสิเล’ติ. ตํ กิํ มญฺญสิ, คามณิ, อปิ นุ สา มหตี ปุถุสิลา มหโต ชนกายสฺส อายาจนเหตุ วา โถมนเหตุ วา ปญฺชลิกํ อนุปริสกฺกนเหตุ วา อุมฺมุชฺเชยฺย วา อุปฺลเวยฺย วา ถลํ วา อุปฺลเวยฺยา”ติ. “โน เหตํ, ภนฺเต”. “เอวเมว โข, คามณิ, โย โส ปุริโส ปาณาติปาตี …เป… มิจฺฉาทิฏฺฐิโก, กิญฺจาปิ นํ มหา ชนกาโย สงฺคมฺม สมาคมฺม อายาเจยฺย โถเมยฺย ปญฺชลิโก อนุปริสกฺเกยฺย ‘อยํ ปุริโส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชตู’ติ. อถ โข โส ปุริโส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺเชยฺย.
ตํ กิํ มญฺญสิ, คามณิ, อิธสฺส ปุริโส ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฏิวิรโต มุสาวาทา ปฏิวิรโต ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรโต ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรโต สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรโต อนภิชฺฌาลุ อพฺยาปนฺนจิตฺโต สมฺมาทิฏฺฐิโก, ตเมนํ มหา ชนกาโย สงฺคมฺม สมาคมฺม อายาเจยฺย โถเมยฺย ปญฺชลิโก อนุปริสกฺเกยฺย ‘อยํ ปุริโส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชตู’ติ. ตํ กิํ มญฺญสิ, คามณิ, อปิ นุ โส ปุริโส มหโต ชนกายสฺส อายาจนเหตุ วา โถมนเหตุ วา ปญฺชลิกํ อนุปริสกฺกนเหตุ วา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺเชยฺยา”ติ. “โน เหตํ, ภนฺเต”.
“เสยฺยถาปิ, คามณิ, ปุริโส สปฺปิกุมฺภํ วา เตลกุมฺภํ วา คมฺภีเร อุทกรหเท โอคาเหตฺวา ภินฺเทยฺย. ตตฺร ยาสฺส สกฺขรกฐลํ, สา อโธคามี อสฺส. ยญฺจ ขฺวสฺส ตตฺร สปฺปิ วา เตลํ วา, ตํ อุทฺธงฺคามิ อสฺส. ตเมนํ มหา ชนกาโย สงฺคมฺม สมาคมฺม อายาเจยฺย โถเมยฺย ปญฺชลิโก อนุปริสกฺเกยฺย ‘โอสีท, โภ สปฺปิเตล, สํสีท, โภ สปฺปิเตล, อโธ คจฺฉ, โภ สปฺปิเตลา’ติ. ตํ กิํ มญฺญสิ คามณิ, อปิ นุ ตํ สปฺปิเตลํ มหโต ชนกายสฺส อายาจนเหตุ วา โถมนเหตุ วา ปญฺชลิกํ อนุปริสกฺกนเหตุ วา ‘โอสีเทยฺย วา สํสีเทยฺย วา อโธ วา คจฺเฉยฺยา’”ติ. “โน เหตํ, ภนฺเต”.
“เอวเมว โข, คามณิ, โย โส ปุริโส ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต …เป… สมฺมาทิฏฺฐิโก, กิญฺจาปิ นํ มหา ชนกาโย สงฺคมฺม สมาคมฺม อายาเจยฺย โถเมยฺย ปญฺชลิโก อนุปริสกฺเกยฺย ‘อยํ ปุริโส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชตู’”ติ. อถ โข โส ปุริโส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺเชยฺย. อิติ ธมฺโม สุจิณฺโณ อปาเยหิ รกฺขติ. ตตฺถ ยา มคฺคสฺส ติกฺขตา อธิมตฺตตา, อยํ ธมฺโม สุจิณฺโณ สพฺพาหิ อุปปตฺตีหิ รกฺขติ. เอวํ ภควา อาห—
“ตสฺมา รกฺขิตจิตฺตสฺส,
สมฺมาสงฺกปฺปโคจโร;
สมฺมาทิฏฺฐิปุเรกฺขาโร,
ญตฺวาน อุทยพฺพยํ;
ถินมิทฺธาภิภู ภิกฺขุ,
สพฺพา ทุคฺคติโย ชเห”ติ.
ตตฺถ ทุคฺคตีนํ เหตุ ตณฺหา จ อวิชฺชา จ, ตานิ จตฺตาริ อุปาทานานิ, เตหิ จตูหิ อุปาทาเนหิ เย เสาปาทานา ขนฺธา, อิทํ ทุกฺขํ. จตฺตาริ อุปาทานานิ, อยํ สมุทโย. ปญฺจกฺขนฺธา ทุกฺขํ, เตสํ ภควา ปริญฺญาย จ ปหานาย จ ธมฺมํ เทเสติ ทุกฺขสฺส ปริญฺญาย สมุทยสฺส ปหานาย. ตตฺถ ตณฺหาย ปญฺจินฺทฺริยานิ รูปีนิ ปทฏฺฐานํ. อวิชฺชาย มนินฺทฺริยํ ปทฏฺฐานํ. ปญฺจินฺทฺริยานิ รูปีนิ รกฺขนฺโต สมาธิํ ภาวยติ, ตณฺหญฺจ นิคฺคณฺหาติ. มนินฺทฺริยํ รกฺขนฺโต วิปสฺสนํ ภาวยติ, อวิชฺชญฺจ นิคฺคณฺหาติ. ตณฺหานิคฺคเหน ทฺเว อุปาทานานิ ปหียนฺติ กามุปาทานญฺจ สีลพฺพตุปาทานญฺจ. อวิชฺชานิคฺคเหน ทฺเว อุปาทานานิ ปหียนฺติ ทิฏฺฐุปาทานญฺจ อตฺตวาทุปาทานญฺจ. จตูสุ อุปาทาเนสุ ปหีเนสุ ทฺเว ธมฺมา ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉนฺติ สมโถ จ วิปสฺสนา จ. อิทํ วุจฺจติ พฺรหฺมจริยนฺติ.
ตตฺถ พฺรหฺมจริยสฺส ผลํ จตฺตาริ สามญฺญผลานิ โสตาปตฺติผลํ สกทาคามิผลํ อนาคามิผลํ อรหตฺตํ อคฺคผลํ. อิมานิ จตฺตาริ พฺรหฺมจริยสฺส ผลานิ. อิติ ปุริมกานิ จ ทฺเว สจฺจานิ ทุกฺขํ สมุทโย จ. สมโถ จ วิปสฺสนา จ พฺรหฺมจริยญฺจ มคฺโค, พฺรหฺมจริยสฺส ผลานิ จ ตทารมฺมณา จ อสงฺขตาธาตุ นิโรโธ. อิมานิ จตฺตาริ สจฺจานิ. เตนาห ภควา “ธมฺโม หเว รกฺขตี”ติ.
ตตฺถ ยํ ปฏิเวเธน รกฺขติ, อิทํ ทุกฺขํ. ยโต รกฺขติ, อยํ สมุทโย. เยน รกฺขติ, อยํ มคฺโค. ยํ รกฺขติ, อยํ นิโรโธ. อิมานิ จตฺตาริ สจฺจานิ. เตนาห อายสฺมา มหากจฺจายโน “เอกมฺหิ ปทฏฺฐาเน”ติ.
นิยุตฺโต อาวฏฺโฏ หาโร.