2.10 อุตฺตรมาตุเปติวตฺถุ
ทิวาวิหารคตํ ภิกฺขุํ,
คงฺคาตีเร นิสินฺนกํ;
ตํ เปตี อุปสงฺกมฺม,
ทุพฺพณฺณา ภีรุทสฺสนา.
เกสา จสฺสา อติทีฆา,
ยาวภูมาวลมฺพเร;
เกเสหิ สา ปฏิจฺฉนฺนา,
สมณํ เอตทพฺรวิ.
“ปญฺจปณฺณาสวสฺสานิ,
ยโต กาลงฺกตา อหํ;
นาภิชานามิ ภุตฺตํ วา,
ปีตํ วา ปน ปานิยํ;
เทหิ ตฺวํ ปานิยํ ภนฺเต,
ตสิตา ปานิยาย เม”ติ.
“อยํ สีโตทิกา คงฺคา,
หิมวนฺตโต สนฺทติ;
ปิว เอตฺโต คเหตฺวาน,
กิํ มํ ยาจสิ ปานิยนฺ”ติ.
“สจาหํ ภนฺเต คงฺคาย,
สยํ คณฺหามิ ปานิยํ;
โลหิตํ เม ปริวตฺตติ,
ตสฺมา ยาจามิ ปานิยนฺ”ติ.
“กิํ นุ กาเยน วาจาย,
มนสา ทุกฺกฏํ กตํ;
กิสฺส กมฺมวิปาเกน,
คงฺคา เต โหติ โลหิตนฺ”ติ.
“ปุตฺโต เม อุตฺตโร นาม,
สทฺโธ อาสิ อุปาสโก;
โส จ มยฺหํ อกามาย,
สมณานํ ปเวจฺฉติ.
จีวรํ ปิณฺฑปาตญฺจ,
ปจฺจยํ สยนาสนํ;
ตมหํ ปริภาสามิ,
มจฺเฉเรน อุปทฺทุตา.
ยํ ตฺวํ มยฺหํ อกามาย,
สมณานํ ปเวจฺฉสิ;
จีวรํ ปิณฺฑปาตญฺจ,
ปจฺจยํ สยนาสนํ.
เอตํ เต ปรโลกสฺมิํ,
โลหิตํ โหตุ อุตฺตร;
ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน,
คงฺคา เม โหติ โลหิตนฺ”ติ.
อุตฺตรมาตุเปติวตฺถุ ทสมํ.