2.12 กณฺณมุณฺฑเปติวตฺถุ
“โสณฺณโสปานผลกา,
โสณฺณวาลุกสนฺถตา;
ตตฺถ โสคนฺธิยา วคฺคู,
สุจิคนฺธา มโนรมา.
นานารุกฺเขหิ สญฺฉนฺนา,
นานาคนฺธสเมริตา;
นานาปทุมสญฺฉนฺนา,
ปุณฺฑรีกสโมตตา.
สุรภิํ สมฺปวายนฺติ,
มนุญฺญา มาลุเตริตา;
หํสโกญฺจาภิรุทา จ,
จกฺกวกฺกาภิกูชิตา.
นานาทิชคณากิณฺณา,
นานาสรคณายุตา;
นานาผลธรา รุกฺขา,
นานาปุปฺผธรา วนา.
น มนุเสฺสสุ อีทิสํ,
นครํ ยาทิสํ อิทํ;
ปาสาทา พหุกา ตุยฺหํ,
โสวณฺณรูปิยามยา;
ททฺทลฺลมานา อาเภนฺติ,
สมนฺตา จตุโร ทิสา.
ปญฺจ ทาสิสตา ตุยฺหํ,
ยา เตมา ปริจาริกา;
ตา กมฺพุกายูรธรา,
กญฺจนาเวฬภูสิตา.
ปลฺลงฺกา พหุกา ตุยฺหํ,
โสวณฺณรูปิยามยา;
กทลิมิคสญฺฉนฺนา,
สชฺชา โคนกสนฺถตา.
ยตฺถ ตฺวํ วาสูปคตา,
สพฺพกามสมิทฺธินี;
สมฺปตฺตายฑฺฒรตฺตาย,
ตโต อุฏฺฐาย คจฺฉสิ.
อุยฺยานภูมิํ คนฺตฺวาน,_
โปกฺขรญฺญา สมนฺตโต;
ตสฺสา ตีเร ตุวํ ฐาสิ,
หริเต สทฺทเล สุเภ.
ตโต เต กณฺณมุณฺโฑ สุนโข,
องฺคมงฺคานิ ขาทติ;
ยทา จ ขายิตา อาสิ,
อฏฺฐิสงฺขลิกา กตา;
โอคาหสิ โปกฺขรณิํ,
โหติ กาโย ยถา ปุเร.
ตโต ตฺวํ องฺคปจฺจงฺคี,
สุจารุ ปิยทสฺสนา;
วตฺเถน ปารุปิตฺวาน,
อายาสิ มม สนฺติกํ.
กิํ นุ กาเยน วาจาย,
มนสา ทุกฺกฏํ กตํ;
กิสฺส กมฺมวิปาเกน,
กณฺณมุณฺโฑ สุนโข ตว;
องฺคมงฺคานิ ขาทตี”ติ.
“กิมิลายํ คหปติ,
สทฺโธ อาสิ อุปาสโก;
ตสฺสาหํ ภริยา อาสิํ,
ทุสฺสีลา อติจารินี.
โส มํ อติจรมานาย,
สามิโก เอตทพฺรวิ;
‘เนตํ ฉนฺนํ ปติรูปํ,
ยํ ตฺวํ อติจราสิ มํ’.
สาหํ โฆรญฺจ สปถํ,
มุสาวาทญฺจ ภาสิสํ;
‘นาหํ ตํ อติจรามิ,
กาเยน อุท เจตสา.
สจาหํ ตํ อติจรามิ,
กาเยน อุท เจตสา;
กณฺณมุณฺโฑยํ สุนโข,
องฺคมงฺคานิ ขาทตุ’.
ตสฺส กมฺมสฺส วิปากํ,
มุสาวาทสฺส จูภยํ;
สตฺเตว วสฺสสตานิ,
อนุภูตํ ยโต หิ เม;
กณฺณมุณฺโฑ จ สุนโข,
องฺคมงฺคานิ ขาทติ.
ตฺวญฺจ เทว พหุกาโร,
อตฺถาย เม อิธาคโต;
สุมุตฺตาหํ กณฺณมุณฺฑสฺส,
อโสกา อกุโตภยา.
ตาหํ เทว นมสฺสามิ,
ยาจามิ ปญฺชลีกตา;
ภุญฺช อมานุเส กาเม,
รม เทว มยา สหา”ติ.
“ภุตฺตา อมานุสา กามา,
รมิโตมฺหิ ตยา สห;
ตาหํ สุภเค ยาจามิ,
ขิปฺปํ ปฏินยาหิ มนฺ”ติ.
กณฺณมุณฺฑเปติวตฺถุ ทฺวาทสมํ.