2.3 มตฺตาเปติวตฺถุ
“นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปาสิ,
กิสา ธมนิสนฺถตา;
อุปฺผาสุลิเก กิสิเก,_
กา นุ ตฺวํ อิธ ติฏฺฐสี”ติ.
“อหํ มตฺตา ตุวํ ติสฺสา,
สปตฺตี เต ปุเร อหุํ;
ปาปกมฺมํ กริตฺวาน,
เปตโลกํ อิโต คตา”ติ.
“กิํ นุ กาเยน วาจาย,
มนสา ทุกฺกฏํ กตํ;
กิสฺส กมฺมวิปาเกน,
เปตโลกํ อิโต คตา”ติ.
“จณฺฑี จ ผรุสา จาสิํ,
อิสฺสุกี มจฺฉรี สฐา;_
ตาหํ ทุรุตฺตํ วตฺวาน,
เปตโลกํ อิโต คตา”ติ.
“สพฺพํ อหมฺปิ ชานามิ,
ยถา ตฺวํ จณฺฑิกา อหุ;
อญฺญญฺจ โข ตํ ปุจฺฉามิ,
เกนาสิ ปํสุกุนฺถิตา”ติ.
“สีสํนฺหาตา ตุวํ อาสิ,
สุจิวตฺถา อลงฺกตา;
อหญฺจ โข อธิมตฺตํ,
สมลงฺกตตรา ตยา.
ตสฺสา เม เปกฺขมานาย,
สามิเกน สมนฺตยิ;
ตโต เม อิสฺสา วิปุลา,
โกโธ เม สมชายถ.
ตโต ปํสุํ คเหตฺวาน,
ปํสุนา ตํ หิ โอกิริํ;
ตสฺส กมฺมวิปาเกน,
เตนมฺหิ ปํสุกุนฺถิตา”ติ.
“สพฺพํ อหมฺปิ ชานามิ,
ปํสุนา มํ ตฺวโมกิริ;
อญฺญญฺจ โข ตํ ปุจฺฉามิ,
เกน ขชฺชสิ กจฺฉุยา”ติ.
“เภสชฺชหารี อุภโย,
วนนฺตํ อคมิมฺหเส;
ตฺวญฺจ เภสชฺชมาหริ,
อหญฺจ กปิกจฺฉุโน.
ตสฺสา ตฺยาชานมานาย,
เสยฺยํ ตฺยาหํ สโมกิริํ;
ตสฺส กมฺมวิปาเกน,
เตน ขชฺชามิ กจฺฉุยา”ติ.
“สพฺพํ อหมฺปิ ชานามิ,
เสยฺยํ เม ตฺวํ สโมกิริ;
อญฺญญฺจ โข ตํ ปุจฺฉามิ,
เกนาสิ นคฺคิยา ตุวนฺ”ติ.
“สหายานํ สมโย อาสิ,
ญาตีนํ สมิตี อหุ;
ตฺวญฺจ อามนฺติตา อาสิ,
สสามินี โน จ โข อหํ.
ตสฺสา ตฺยาชานมานาย,
ทุสฺสํ ตฺยาหํ อปานุทิํ;
ตสฺส กมฺมวิปาเกน,
เตนมฺหิ นคฺคิยา อหนฺ”ติ.
“สพฺพํ อหมฺปิ ชานามิ,
ทุสฺสํ เม ตฺวํ อปานุทิ;
อญฺญญฺจ โข ตํ ปุจฺฉามิ,
เกนาสิ คูถคนฺธินี”ติ.
“ตว คนฺธญฺจ มาลญฺจ,
ปจฺจคฺฆญฺจ วิเลปนํ;
คูถกูเป อตาเรสิํ,
ตํ ปาปํ ปกตํ มยา;
ตสฺส กมฺมวิปาเกน,
เตนมฺหิ คูถคนฺธินี”ติ.
“สพฺพํ อหมฺปิ ชานามิ,
ตํ ปาปํ ปกตํ ตยา;
อญฺญญฺจ โข ตํ ปุจฺฉามิ,
เกนาสิ ทุคฺคตา ตุวนฺ”ติ.
“อุภินฺนํ สมกํ อาสิ,
ยํ เคเห วิชฺชเต ธนํ;
สนฺเตสุ เทยฺยธมฺเมสุ,
ทีปํ นากาสิมตฺตโน;
ตสฺส กมฺมวิปาเกน,
เตนมฺหิ ทุคฺคตา อหํ.
ตเทว มํ ตฺวํ อวจ,
‘ปาปกมฺมํ นิเสวสิ;
น หิ ปาเปหิ กมฺเมหิ,
สุลภา โหติ สุคฺคตี’”ติ.
“วามโต มํ ตฺวํ ปจฺเจสิ,
อโถปิ มํ อุสูยสิ;
ปสฺส ปาปานํ กมฺมานํ,
วิปาโก โหติ ยาทิโส.
เต ฆรา ตา จ ทาสิโย,
ตาเนวาภรณานิเม;
เต อญฺเญ ปริจาเรนฺติ,
น โภคา โหนฺติ สสฺสตา.
อิทานิ ภูตสฺส ปิตา,_
อาปณา เคหเมหิติ;
อปฺเปว เต ทเท กิญฺจิ,
มา สุ ตาว อิโต อคา”ติ.
“นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปามฺหิ,
กิสา ธมนิสนฺถตา;
โกปีนเมตํ อิตฺถีนํ,
มา มํ ภูตปิตาทฺทสา”ติ.
“หนฺท กิํ วา ตฺยาหํ ทมฺมิ,
กิํ วา เตธ กโรมหํ;
เยน ตฺวํ สุขิตา อสฺส,
สพฺพกามสมิทฺธินี”ติ.
“จตฺตาโร ภิกฺขู สํฆโต,
จตฺตาโร ปน ปุคฺคเล;
อฏฺฐ ภิกฺขู โภชยิตฺวา,
มม ทกฺขิณมาทิส;
ตทาหํ สุขิตา เหสฺสํ,
สพฺพกามสมิทฺธินี”ติ.
สาธูติ สา ปฏิสฺสุตฺวา,
โภชยิตฺวาฏฺฐ ภิกฺขโว;
วตฺเถหจฺฉาทยิตฺวาน,
ตสฺสา ทกฺขิณมาทิสี.
สมนนฺตรานุทฺทิฏฺเฐ,
วิปาโก อุทปชฺชถ;
โภชนจฺฉาทนปานียํ,
ทกฺขิณาย อิทํ ผลํ.
ตโต สุทฺธา สุจิวสนา,
กาสิกุตฺตมธารินี;
วิจิตฺตวตฺถาภรณา,
สปตฺติํ อุปสงฺกมิ.
“อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน,
ยา ตฺวํ ติฏฺฐสิ เทวเต;
โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพา,
โอสธี วิย ตารกา.
เกน เตตาทิโส วณฺโณ,
เกน เต อิธ มิชฺฌติ;
อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา,_
เย เกจิ มนโส ปิยา.
ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว,
มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุญฺญํ;
เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา,
วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี”ติ.
“อหํ มตฺตา ตุวํ ติสฺสา,
สปตฺตี เต ปุเร อหุํ;
ปาปกมฺมํ กริตฺวาน,
เปตโลกํ อิโต คตา.
ตว ทินฺเนน ทาเนน,
โมทามิ อกุโตภยา;
จิรํ ชีวาหิ ภคินิ,
สห สพฺเพหิ ญาติภิ;
อโสกํ วิรชํ ฐานํ,
อาวาสํ วสวตฺตินํ.
อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน,_
ทานํ ทตฺวาน โสภเน;
วิเนยฺย มจฺเฉรมลํ สมูลํ,
อนินฺทิตา สคฺคมุเปหิ ฐานนฺ”ติ.
มตฺตาเปติวตฺถุ ตติยํ.