1.4 กสิภารทฺวาชสุตฺต
เอวํ เม สุตํ— เอกํ สมยํ ภควา มคเธสุ วิหรติ ทกฺขิณาคิริสฺมิํ เอกนาฬายํ พฺราหฺมณคาเม. เตน โข ปน สมเยน กสิภารทฺวาชสฺส พฺราหฺมณสฺส ปญฺจมตฺตานิ นงฺคลสตานิ ปยุตฺตานิ โหนฺติ วปฺปกาเล. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน กสิภารทฺวาชสฺส พฺราหฺมณสฺส กมฺมนฺโต เตนุปสงฺกมิ. เตน โข ปน สมเยน กสิภารทฺวาชสฺส พฺราหฺมณสฺส ปริเวสนา วตฺตติ. อถ โข ภควา เยน ปริเวสนา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺฐาสิ.
อทฺทสา โข กสิภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ ปิณฺฑาย ฐิตํ. ทิสฺวาน ภควนฺตํ เอตทโวจ— “อหํ โข, สมณ, กสามิ จ วปามิ จ; กสิตฺวา จ วปิตฺวา จ ภุญฺชามิ. ตฺวมฺปิ, สมณ, กสสฺสุ จ วปสฺสุ จ; กสิตฺวา จ วปิตฺวา จ ภุญฺชสฺสู”ติ.
“อหมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, กสามิ จ วปามิ จ; กสิตฺวา จ วปิตฺวา จ ภุญฺชามี”ติ. “น โข ปน มยํ ปสฺสาม โภโต โคตมสฺส ยุคํ วา นงฺคลํ วา ผาลํ วา ปาจนํ วา พลีพทฺเท วา. อถ จ ปน ภวํ โคตโม เอวมาห— ‘อหมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, กสามิ จ วปามิ จ; กสิตฺวา จ วปิตฺวา จ ภุญฺชามี’”ติ.
อถ โข กสิภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ—
“กสฺสโก ปฏิชานาสิ,
น จ ปสฺสาม เต กสิํ;
กสิํ โน ปุจฺฉิโต พฺรูหิ,
ยถา ชาเนมุ เต กสิํ”. (1)
“สทฺธา พีชํ ตโป วุฏฺฐิ,
ปญฺญา เม ยุคนงฺคลํ;
หิรี อีสา มโน โยตฺตํ,
สติ เม ผาลปาจนํ. (2)
กายคุตฺโต วจีคุตฺโต,
อาหาเร อุทเร ยโต;
สจฺจํ กโรมิ นิทฺทานํ,
โสรจฺจํ เม ปโมจนํ. (3)
วีริยํ เม ธุรโธรยฺหํ,
โยคกฺเขมาธิวาหนํ;
คจฺฉติ อนิวตฺตนฺตํ,
ยตฺถ คนฺตฺวา น โสจติ. (4)
เอวเมสา กสี กฏฺฐา,
สา โหติ อมตปฺผลา;
เอตํ กสิํ กสิตฺวาน,
สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี”ติ. (5)
อถ โข กสิภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ มหติยา กํสปาติยา ปายสํ วฑฺเฒตฺวา ภควโต อุปนาเมสิ— “ภุญฺชตุ ภวํ โคตโม ปายสํ. กสฺสโก ภวํ; ยญฺหิ ภวํ โคตโม อมตปฺผลํ กสิํ กสตี”ติ.
“คาถาภิคีตํ เม อโภชเนยฺยํ,
สมฺปสฺสตํ พฺราหฺมณ เนส ธมฺโม;
คาถาภิคีตํ ปนุทนฺติ พุทฺธา,
ธมฺเม สตี พฺราหฺมณ วุตฺติเรสา. (6)
อญฺเญน จ เกวลินํ มเหสิํ,
ขีณาสวํ กุกฺกุจฺจวูปสนฺตํ;
อนฺเนน ปาเนน อุปฏฺฐหสฺสุ,
เขตฺตํ หิ ตํ ปุญฺญเปกฺขสฺส โหตี”ติ. (7)
“อถ กสฺส จาหํ, โภ โคตม, อิมํ ปายสํ ทมฺมี”ติ? “น ขฺวาหํ ตํ, พฺราหฺมณ, ปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย, ยสฺส โส ปายโส ภุตฺโต สมฺมา ปริณามํ คจฺเฉยฺย, อญฺญตฺร ตถาคตสฺส วา ตถาคตสาวกสฺส วา. เตน หิ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, ตํ ปายสํ อปฺปหริเต วา ฉฑฺเฑหิ อปฺปาณเก วา อุทเก โอปิลาเปหี”ติ.
อถ โข กสิภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ตํ ปายสํ อปฺปาณเก อุทเก โอปิลาเปสิ. อถ โข โส ปายโส อุทเก ปกฺขิตฺโต จิจฺจิฏายติ จิฏิจิฏายติ สนฺธูปายติ สมฺปธูปายติ. เสยฺยถาปิ นาม ผาโล ทิวสํ สนฺตตฺโต อุทเก ปกฺขิตฺโต จิจฺจิฏายติ จิฏิจิฏายติ สนฺธูปายติ สมฺปธูปายติ; เอวเมวํ โส ปายโส อุทเก ปกฺขิตฺโต จิจฺจิฏายติ จิฏิจิฏายติ สนฺธูปายติ สมฺปธูปายติ.
อถ โข กสิภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ สํวิคฺโค โลมหฏฺฐชาโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ— “อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม. เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย, ‘จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติ; เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสํฆญฺจ, ลเภยฺยาหํ โภโต โคตมสฺส สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยํ อุปสมฺปทนฺ”ติ.
อลตฺถ โข กสิภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํ. อจิรูปสมฺปนฺโน โข ปนายสฺมา ภารทฺวาโช เอโก วูปกฏฺโฐ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต นจิรเสฺสว— ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ— พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเฐว ธมฺเม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิ. “ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา”ติ อพฺภญฺญาสิ. อญฺญตโร จ ปนายสฺมา ภารทฺวาโช อรหตํ อโหสีติ.
กสิภารทฺวาชสุตฺตํ จตุตฺถํ.