3.7 เสลสุตฺต
เอวํ เม สุตํ— เอกํ สมยํ ภควา องฺคุตฺตราเปสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสํเฆน สทฺธิํ อฑฺฒเตฬเสหิ ภิกฺขุสเตหิ เยน อาปณํ นาม องฺคุตฺตราปานํ นิคโม ตทวสริ. อสฺโสสิ โข เกณิโย ชฏิโล “สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต องฺคุตฺตราเปสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสํเฆน สทฺธิํ อฑฺฒเตฬเสหิ ภิกฺขุสเตหิ อาปณํ อนุปฺปตฺโต. ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต— ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ. โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณิํ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ. โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ. สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี”ติ.
อถ โข เกณิโย ชฏิโล เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข เกณิยํ ชฏิลํ ภควา ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสสิ สมาทเปสิ สมุตฺเตเชสิ สมฺปหํเสสิ. อถ โข เกณิโย ชฏิโล ภควตา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิโต สมาทปิโต สมุตฺเตชิโต สมฺปหํสิโต ภควนฺตํ เอตทโวจ— “อธิวาเสตุ เม ภวํ โคตโม สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธิํ ภิกฺขุสํเฆนา”ติ. เอวํ วุตฺเต, ภควา เกณิยํ ชฏิลํ เอตทโวจ— “มหา โข, เกณิย, ภิกฺขุสํโฆ อฑฺฒเตฬสานิ ภิกฺขุสตานิ; ตฺวญฺจ พฺราหฺมเณสุ อภิปฺปสนฺโน”ติ.
ทุติยมฺปิ โข เกณิโย ชฏิโล ภควนฺตํ เอตทโวจ— “กิญฺจาปิ, โภ โคตม, มหา ภิกฺขุสํโฆ อฑฺฒเตฬสานิ ภิกฺขุสตานิ, อหญฺจ พฺราหฺมเณสุ อภิปฺปสนฺโน; อธิวาเสตุ เม ภวํ โคตโม สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธิํ ภิกฺขุสํเฆนา”ติ. ทุติยมฺปิ โข ภควา เกณิยํ ชฏิลํ เอตทโวจ— “มหา โข, เกณิย, ภิกฺขุสํโฆ อฑฺฒเตฬสานิ ภิกฺขุสตานิ; ตฺวญฺจ พฺราหฺมเณสุ อภิปฺปสนฺโน”ติ.
ตติยมฺปิ โข เกณิโย ชฏิโล ภควนฺตํ เอตทโวจ— “กิญฺจาปิ, โภ โคตม, มหา ภิกฺขุสํโฆ อฑฺฒเตฬสานิ ภิกฺขุสตานิ, อหญฺจ พฺราหฺมเณสุ อภิปฺปสนฺโน, อธิวาเสตุ เม ภวํ โคตโม สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธิํ ภิกฺขุสํเฆนา”ติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน. อถ โข เกณิโย ชฏิโล ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา อุฏฺฐายาสนา เยน สโก อสฺสโม เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มิตฺตามจฺเจ ญาติสาโลหิเต อามนฺเตสิ— “สุณนฺตุ เม ภวนฺโต มิตฺตามจฺจา ญาติสาโลหิตา, สมโณ เม โคตโม นิมนฺติโต สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธิํ ภิกฺขุสํเฆน, เยน เม กายเวยฺยาวฏิกํ กเรยฺยาถา”ติ. “เอวํ, โภ”ติ โข เกณิยสฺส ชฏิลสฺส มิตฺตามจฺจา ญาติสาโลหิตา เกณิยสฺส ชฏิลสฺส ปฏิสฺสุตฺวา อปฺเปกจฺเจ อุทฺธนานิ ขณนฺติ, อปฺเปกจฺเจ กฏฺฐานิ ผาเลนฺติ, อปฺเปกจฺเจ ภาชนานิ โธวนฺติ, อปฺเปกจฺเจ อุทกมณิกํ ปติฏฺฐาเปนฺติ, อปฺเปกจฺเจ อาสนานิ ปญฺญาเปนฺติ. เกณิโย ปน ชฏิโล สามํเยว มณฺฑลมาฬํ ปฏิยาเทติ.
เตน โข ปน สมเยน เสโล พฺราหฺมโณ อาปเณ ปฏิวสติ, ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปญฺจมานํ ปทโก เวยฺยากรโณ โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย, ตีณิ จ มาณวกสตานิ มนฺเต วาเจติ.
เตน โข ปน สมเยน เกณิโย ชฏิโล เสเล พฺราหฺมเณ อภิปฺปสนฺโน โหติ. อถ โข เสโล พฺราหฺมโณ ตีหิ มาณวกสเตหิ ปริวุโต ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน เยน เกณิยสฺส ชฏิลสฺส อสฺสโม เตนุปสงฺกมิ. อทฺทสา โข เสโล พฺราหฺมโณ เกณิยสฺส ชฏิลสฺส อสฺสเม อปฺเปกจฺเจ อุทฺธนานิ ขณนฺเต …เป… อปฺเปกจฺเจ อาสนานิ ปญฺญเปนฺเต, เกณิยํ ปน ชฏิลํ สามํเยว มณฺฑลมาฬํ ปฏิยาเทนฺตํ. ทิสฺวาน เกณิยํ ชฏิลํ เอตทโวจ— “กิํ นุ โข โภโต เกณิยสฺส อาวาโห วา ภวิสฺสติ, วิวาโห วา ภวิสฺสติ, มหายญฺโญ วา ปจฺจุปฏฺฐิโต, ราชา วา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร นิมนฺติโต สฺวาตนาย สทฺธิํ พลกาเยนา”ติ?
“น เม, โภ เสล, อาวาโห วา ภวิสฺสติ วิวาโห วา, นาปิ ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร นิมนฺติโต สฺวาตนาย สทฺธิํ พลกาเยน; อปิ จ โข เม มหายญฺโญ ปจฺจุปฏฺฐิโต. อตฺถิ สมโณ โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต องฺคุตฺตราเปสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสํเฆน สทฺธิํ อฑฺฒเตฬเสหิ ภิกฺขุสเตหิ อาปณํ อนุปฺปตฺโต. ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ …เป… พุทฺโธ ภควาติ. โส เม นิมนฺติโต สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธิํ ภิกฺขุสํเฆนา”ติ. “พุทฺโธติ, โภ เกณิย, วเทสิ”? “พุทฺโธติ, โภ เสล, วทามิ”. “พุทฺโธติ, โภ เกณิย, วเทสิ”? “พุทฺโธติ, โภ เสล, วทามี”ติ.
อถ โข เสลสฺส พฺราหฺมณสฺส เอตทโหสิ— “โฆโสปิ โข เอโส ทุลฺลโภ โลกสฺมิํ ยทิทํ พุทฺโธติ. อาคตานิ โข ปนมฺหากํ มนฺเตสุ ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณานิ, เยหิ สมนฺนาคตสฺส มหาปุริสสฺส ทฺเวว คติโย ภวนฺติ อนญฺญา. สเจ อคารํ อชฺฌาวสติ ราชา โหติ จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา จาตุรนฺโต วิชิตาวี ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺโต สตฺตรตนสมนฺนาคโต. ตสฺสิมานิ สตฺต รตนานิ ภวนฺติ, เสยฺยถิทํ— จกฺกรตนํ, หตฺถิรตนํ, อสฺสรตนํ, มณิรตนํ, อิตฺถิรตนํ, คหปติรตนํ, ปริณายกรตนเมว สตฺตมํ. ปโรสหสฺสํ โข ปนสฺส ปุตฺตา ภวนฺติ สูรา วีรงฺครูปา ปรเสนปฺปมทฺทนา. โส อิมํ ปถวิํ สาครปริยนฺตํ อทณฺเฑน อสตฺเถน ธมฺเมน อภิวิชิย อชฺฌาวสติ. สเจ โข ปน อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ, อรหํ โหติ สมฺมาสมฺพุทฺโธ โลเก วิวฏฺฏจฺฉโท. กหํ ปน, โภ เกณิย, เอตรหิ โส ภวํ โคตโม วิหรติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ”ติ?
เอวํ วุตฺเต, เกณิโย ชฏิโล ทกฺขิณํ พาหุํ ปคฺคเหตฺวา เสลํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ— “เยเนสา, โภ เสล, นีลวนราชี”ติ. อถ โข เสโล พฺราหฺมโณ ตีหิ มาณวกสเตหิ สทฺธิํ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ. อถ โข เสโล พฺราหฺมโณ เต มาณวเก อามนฺเตสิ— “อปฺปสทฺทา โภนฺโต อาคจฺฉนฺตุ, ปเท ปทํ นิกฺขิปนฺตา. ทุราสทา หิ เต ภควนฺโต สีหาว เอกจรา. ยทา จาหํ, โภ, สมเณน โคตเมน สทฺธิํ มนฺเตยฺยํ, มา เม โภนฺโต อนฺตรนฺตรา กถํ โอปาเตถ; กถาปริโยสานํ เม ภวนฺโต อาคเมนฺตู”ติ.
อถ โข เสโล พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข เสโล พฺราหฺมโณ ภควโต กาเย ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณานิ สมนฺเนสิ. อทฺทสา โข เสโล พฺราหฺมโณ ภควโต กาเย ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณานิ เยภุเยฺยน ฐเปตฺวา ทฺเว. ทฺวีสุ มหาปุริสลกฺขเณสุ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ— โกโสหิเต จ วตฺถคุเยฺห ปหูตชิวฺหตาย จาติ.
อถ โข ภควโต เอตทโหสิ— “ปสฺสติ โข เม อยํ เสโล พฺราหฺมโณ ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณานิ เยภุเยฺยน ฐเปตฺวา ทฺเว. ทฺวีสุ มหาปุริสลกฺขเณสุ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ— โกโสหิเต จ วตฺถคุเยฺห ปหูตชิวฺหตาย จา”ติ. อถ โข ภควา ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาสิ, ยถา อทฺทส เสโล พฺราหฺมโณ ภควโต โกโสหิตํ วตฺถคุยฺหํ. อถ โข ภควา ชิวฺหํ นินฺนาเมตฺวา อุโภปิ กณฺณโสตานิ อนุมสิ ปฏิมสิ, อุโภปิ นาสิกโสตานิ อนุมสิ ปฏิมสิ, เกวลมฺปิ นลาฏมณฺฑลํ ชิวฺหาย ฉาเทสิ.
อถ โข เสลสฺส พฺราหฺมณสฺส เอตทโหสิ— “สมนฺนาคโต โข สมโณ โคตโม ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขเณหิ ปริปุณฺเณหิ, โน อปริปุณฺเณหิ. โน จ โข นํ ชานามิ พุทฺโธ วา โน วา. สุตํ โข ปน เมตํ พฺราหฺมณานํ วุฑฺฒานํ มหลฺลกานํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ— ‘เย เต ภวนฺติ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา, เต สเก วณฺเณ ภญฺญมาเน อตฺตานํ ปาตุกโรนฺตี’ติ. ยนฺนูนาหํ สมณํ โคตมํ สมฺมุขา สารุปฺปาหิ คาถาหิ อภิตฺถเวยฺยนฺ”ติ. อถ โข เสโล พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ สมฺมุขา สารุปฺปาหิ คาถาหิ อภิตฺถวิ—
“ปริปุณฺณกาโย สุรุจิ,
สุชาโต จารุทสฺสโน;
สุวณฺณวณฺโณสิ ภควา,
สุสุกฺกทาโฐสิ วีริยวา. (1)
นรสฺส หิ สุชาตสฺส,
เย ภวนฺติ วิยญฺชนา;
สพฺเพ เต ตว กายสฺมิํ,
มหาปุริสลกฺขณา. (2)
ปสนฺนเนตฺโต สุมุโข,
พฺรหา อุชุ ปตาปวา;
มชฺเฌ สมณสํฆสฺส,
อาทิจฺโจว วิโรจสิ. (3)
กลฺยาณทสฺสโน ภิกฺขุ,
กญฺจนสนฺนิภตฺตโจ;
กิํ เต สมณภาเวน,
เอวํ อุตฺตมวณฺณิโน. (4)
ราชา อรหสิ ภวิตุํ,
จกฺกวตฺตี รเถสโภ;
จาตุรนฺโต วิชิตาวี,
ชมฺพุสณฺฑสฺส อิสฺสโร. (5)
ขตฺติยา โภคิราชาโน,
อนุยนฺตา ภวนฺตุ เต;
ราชาภิราชา มนุชินฺโท,
รชฺชํ กาเรหิ โคตม”. (6)
“ราชาหมสฺมิ เสลาติ, (ภควา)
ธมฺมราชา อนุตฺตโร;
ธมฺเมน จกฺกํ วตฺเตมิ,
จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยํ”. (7)
“สมฺพุทฺโธ ปฏิชานาสิ, (อิติ เสโล พฺราหฺมโณ)
ธมฺมราชา อนุตฺตโร;
‘ธมฺเมน จกฺกํ วตฺเตมิ’,
อิติ ภาสสิ โคตม. (8)_
โก นุ เสนาปติ โภโต,
สาวโก สตฺถุรนฺวโย;
โก เต ตมนุวตฺเตติ,
ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ”. (9)
“มยา ปวตฺติตํ จกฺกํ, (เสลาติ ภควา)
ธมฺมจกฺกํ อนุตฺตรํ;
สาริปุตฺโต อนุวตฺเตติ,
อนุชาโต ตถาคตํ. (10)
อภิญฺเญยฺยํ อภิญฺญาตํ,
ภาเวตพฺพญฺจ ภาวิตํ;
ปหาตพฺพํ ปหีนํ เม,
ตสฺมา พุทฺโธสฺมิ พฺราหฺมณ. (11)
วินยสฺสุ มยิ กงฺขํ,
อธิมุจฺจสฺสุ พฺราหฺมณ;
ทุลฺลภํ ทสฺสนํ โหติ,
สมฺพุทฺธานํ อภิณฺหโส. (12)
เยสํ เว ทุลฺลโภ โลเก,
ปาตุภาโว อภิณฺหโส;
โสหํ พฺราหฺมณ สมฺพุทฺโธ,
สลฺลกตฺโต อนุตฺตโร. (13)
พฺรหฺมภูโต อติตุโล,
มารเสนปฺปมทฺทโน;
สพฺพามิตฺเต วสีกตฺวา,
โมทามิ อกุโตภโย”. (14)
“อิมํ ภวนฺโต นิสาเมถ,
ยถา ภาสติ จกฺขุมา;
สลฺลกตฺโต มหาวีโร,
สีโหว นทตี วเน. (15)
พฺรหฺมภูตํ อติตุลํ,
มารเสนปฺปมทฺทนํ;
โก ทิสฺวา นปฺปสีเทยฺย,
อปิ กณฺหาภิชาติโก. (16)
โย มํ อิจฺฉติ อเนฺวตุ,
โย วา นิจฺฉติ คจฺฉตุ;
อิธาหํ ปพฺพชิสฺสามิ,_
วรปญฺญสฺส สนฺติเก”. (17)
“เอวญฺเจ รุจฺจติ โภโต,
สมฺมาสมฺพุทฺธสาสเน;
มยมฺปิ ปพฺพชิสฺสาม,
วรปญฺญสฺส สนฺติเก”. (18)
พฺราหฺมณา ติสตา อิเม,
ยาจนฺติ ปญฺชลีกตา;
“พฺรหฺมจริยํ จริสฺสาม,
ภควา ตว สนฺติเก”. (19)
“สฺวากฺขาตํ พฺรหฺมจริยํ, (เสลาติ ภควา)
สนฺทิฏฺฐิกมกาลิกํ;
ยตฺถ อโมฆา ปพฺพชฺชา,
อปฺปมตฺตสฺส สิกฺขโต”ติ. (20)
อลตฺถ โข เสโล พฺราหฺมโณ สปริโส ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํ. อถ โข เกณิโย ชฏิโล ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน สเก อสฺสเม ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฏิยาทาเปตฺวา ภควโต กาลํ อาโรจาเปสิ— “กาโล, โภ โคตม, นิฏฺฐิตํ ภตฺตนฺ”ติ. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน เกณิยสฺส ชฏิลสฺส อสฺสโม เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญตฺเต อาสเน นิสีทิ สทฺธิํ ภิกฺขุสํเฆน.
อถ โข เกณิโย ชฏิโล พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสํฆํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปสิ สมฺปวาเรสิ. อถ โข เกณิโย ชฏิโล ภควนฺตํ ภุตฺตาวิํ โอนีตปตฺตปาณิํ อญฺญตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข เกณิยํ ชฏิลํ ภควา อิมาหิ คาถาหิ อนุโมทิ—
“อคฺคิหุตฺตมุขา ยญฺญา,
สาวิตฺตี ฉนฺทโส มุขํ;
ราชา มุขํ มนุสฺสานํ,
นทีนํ สาคโร มุขํ. (21)
นกฺขตฺตานํ มุขํ จนฺโท,
อาทิจฺโจ ตปตํ มุขํ;
ปุญฺญํ อากงฺขมานานํ,
สํโฆ เว ยชตํ มุขนฺ”ติ. (22)
อถ โข ภควา เกณิยํ ชฏิลํ อิมาหิ คาถาหิ อนุโมทิตฺวา อุฏฺฐายาสนา ปกฺกามิ. อถ โข อายสฺมา เสโล สปริโส เอโก วูปกฏฺโฐ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต นจิรเสฺสว …เป… อญฺญตโร โข ปนายสฺมา เสโล สปริโส อรหตํ อโหสิ.
อถ โข อายสฺมา เสโล สปริโส เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา เอกํสํ จีวรํ กตฺวา เยน ภควา เตนญฺชลิํ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ—
“ยํ ตํ สรณมาคมฺห,
อิโต อฏฺฐมิ จกฺขุม;_
สตฺตรตฺเตน ภควา,
ทนฺตมฺห ตว สาสเน. (23)
ตุวํ พุทฺโธ ตุวํ สตฺถา,
ตุวํ มาราภิภู มุนิ;
ตุวํ อนุสเย เฉตฺวา,
ติณฺโณ ตาเรสิมํ ปชํ. (24)
อุปธี เต สมติกฺกนฺตา,_
อาสวา เต ปทาลิตา;
สีโหสิ อนุปาทาโน,
ปหีนภยเภรโว. (25)
ภิกฺขโว ติสตา อิเม,
ติฏฺฐนฺติ ปญฺชลีกตา;
ปาเท วีร ปสาเรหิ,
นาคา วนฺทนฺตุ สตฺถุโน”ติ. (26)
เสลสุตฺตํ สตฺตมํ.