5.3 สุปฺปพุทฺธกุฏฺฐิสุตฺต
เอวํ เม สุตํ— เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. เตน โข ปน สมเยน ราชคเห สุปฺปพุทฺโธ นาม กุฏฺฐี อโหสิ— มนุสฺสทลิทฺโท, มนุสฺสกปโณ, มนุสฺสวราโก. เตน โข ปน สมเยน ภควา มหติยา ปริสาย ปริวุโต ธมฺมํ เทเสนฺโต นิสินฺโน โหติ.
อทฺทสา โข สุปฺปพุทฺโธ กุฏฺฐี ตํ มหาชนกายํ ทูรโตว สนฺนิปติตํ. ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ— “นิสฺสํสยํ โข เอตฺถ กิญฺจิ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา ภาชียติ. ยนฺนูนาหํ เยน โส มหาชนกาโย เตนุปสงฺกเมยฺยํ. อปฺเปว นาเมตฺถ กิญฺจิ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา ลเภยฺยนฺ”ติ.
อถ โข สุปฺปพุทฺโธ กุฏฺฐี เยน โส มหาชนกาโย เตนุปสงฺกมิ. อทฺทสา โข สุปฺปพุทฺโธ กุฏฺฐี ภควนฺตํ มหติยา ปริสาย ปริวุตํ ธมฺมํ เทเสนฺตํ นิสินฺนํ. ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ— “น โข เอตฺถ กิญฺจิ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา ภาชียติ. สมโณ อยํ โคตโม ปริสติ ธมฺมํ เทเสติ. ยนฺนูนาหมฺปิ ธมฺมํ สุเณยฺยนฺ”ติ. ตตฺเถว เอกมนฺตํ นิสีทิ— “อหมฺปิ ธมฺมํ โสสฺสามี”ติ.
อถ โข ภควา สพฺพาวนฺตํ ปริสํ เจตสา เจโต ปริจฺจ มนสากาสิ “โก นุ โข อิธ ภพฺโพ ธมฺมํ วิญฺญาตุนฺ”ติ? อทฺทสา โข ภควา สุปฺปพุทฺธํ กุฏฺฐิํ ตสฺสํ ปริสายํ นิสินฺนํ. ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ— “อยํ โข อิธ ภพฺโพ ธมฺมํ วิญฺญาตุนฺ”ติ. สุปฺปพุทฺธํ กุฏฺฐิํ อารพฺภ อนุปุพฺพิํ กถํ กเถสิ, เสยฺยถิทํ— ทานกถํ สีลกถํ สคฺคกถํ; กามานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ; เนกฺขมฺเม อานิสํสํ ปกาเสสิ. ยทา ภควา อญฺญาสิ สุปฺปพุทฺธํ กุฏฺฐิํ กลฺลจิตฺตํ มุทุจิตฺตํ วินีวรณจิตฺตํ อุทคฺคจิตฺตํ ปสนฺนจิตฺตํ, อถ ยา พุทฺธานํ สามุกฺกํสิกา ธมฺมเทสนา ตํ ปกาเสสิ— ทุกฺขํ, สมุทยํ, นิโรธํ, มคฺคํ. เสยฺยถาปิ นาม สุทฺธํ วตฺถํ อปคตกาฬกํ สมฺมเทว รชนํ ปฏิคฺคเณฺหยฺย; เอวเมวํ สุปฺปพุทฺธสฺส กุฏฺฐิสฺส ตสฺมิํเยว อาสเน วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทิ— “ยํ กิญฺจิ สมุทยธมฺมํ สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺมนฺ”ติ.
อถ โข สุปฺปพุทฺโธ กุฏฺฐี ทิฏฺฐธมฺโม ปตฺตธมฺโม วิทิตธมฺโม ปริโยคาฬฺหธมฺโม ติณฺณวิจิกิจฺโฉ วิคตกถํกโถ เวสารชฺชปฺปตฺโต อปรปฺปจฺจโย สตฺถุ สาสเน อุฏฺฐายาสนา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข สุปฺปพุทฺโธ กุฏฺฐี ภควนฺตํ เอตทโวจ—
“อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต. เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย— ‘จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติ; เอวเมวํ ภควตา อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสํฆญฺจ. อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คตนฺ”ติ.
อถ โข สุปฺปพุทฺโธ กุฏฺฐี ภควตา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิโต สมาทปิโต สมุตฺเตชิโต สมฺปหํสิโต ภควตา ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. อถ โข อจิรปกฺกนฺตํ สุปฺปพุทฺธํ กุฏฺฐิํ คาวี ตรุณวจฺฉา อธิปติตฺวา ชีวิตา โวโรเปสิ.
อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ— “โย โส, ภนฺเต, สุปฺปพุทฺโธ นาม กุฏฺฐี ภควตา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิโต สมาทปิโต สมุตฺเตชิโต สมฺปหํสิโต, โส กาลงฺกโต. ตสฺส กา คติ, โก อภิสมฺปราโย”ติ?
“ปณฺฑิโต, ภิกฺขเว, สุปฺปพุทฺโธ กุฏฺฐี; ปจฺจปาทิ ธมฺมสฺสานุธมฺมํ; น จ มํ ธมฺมาธิกรณํ วิเหเสสิ. สุปฺปพุทฺโธ, ภิกฺขเว, กุฏฺฐี ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺโน อวินิปาตธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโณ”ติ.
เอวํ วุตฺเต, อญฺญตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ— “โก นุ โข, ภนฺเต, เหตุ, โก ปจฺจโย เยน สุปฺปพุทฺโธ กุฏฺฐี อโหสิ— มนุสฺสทลิทฺโท, มนุสฺสกปโณ, มนุสฺสวราโก”ติ?
“ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, สุปฺปพุทฺโธ กุฏฺฐี อิมสฺมิํเยว ราชคเห เสฏฺฐิปุตฺโต อโหสิ. โส อุยฺยานภูมิํ นิยฺยนฺโต อทฺทส ตครสิขิํ ปจฺเจกพุทฺธํ นครํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺตํ. ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ— ‘กฺวายํ กุฏฺฐี กุฏฺฐิจีวเรน วิจรตี’ติ? นิฏฺฐุภิตฺวา อปสพฺยโต กริตฺวา ปกฺกามิ. โส ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน พหูนิ วสฺสสตานิ พหูนิ วสฺสสหสฺสานิ พหูนิ วสฺสสตสหสฺสานิ นิรเย ปจฺจิตฺถ. ตเสฺสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน อิมสฺมิํเยว ราชคเห กุฏฺฐี อโหสิ มนุสฺสทลิทฺโท, มนุสฺสกปโณ, มนุสฺสวราโก. โส ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม สทฺธํ สมาทิยิ สีลํ สมาทิยิ สุตํ สมาทิยิ จาคํ สมาทิยิ ปญฺญํ สมาทิยิ. โส ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อาคมฺม สทฺธํ สมาทิยิตฺวา สีลํ สมาทิยิตฺวา สุตํ สมาทิยิตฺวา จาคํ สมาทิยิตฺวา ปญฺญํ สมาทิยิตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺโน เทวานํ ตาวติํสานํ สหพฺยตํ. โส ตตฺถ อญฺเญ เทเว อติโรจติ วณฺเณน เจว ยสสา จา”ติ.
อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ—
“จกฺขุมา วิสมานีว,
วิชฺชมาเน ปรกฺกเม;
ปณฺฑิโต ชีวโลกสฺมิํ,
ปาปานิ ปริวชฺชเย”ติ. (53)
ตติยํ.