2.2 มหาราหุโลวาทสุตฺต
เอวํ เม สุตํ— เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถิํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อายสฺมาปิ โข ราหุโล ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ภควนฺตํ ปิฏฺฐิโต ปิฏฺฐิโต อนุพนฺธิ. อถ โข ภควา อปโลเกตฺวา อายสฺมนฺตํ ราหุลํ อามนฺเตสิ— “ยํ กิญฺจิ, ราหุล, รูปํ— อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา หีนํ วา ปณีตํ วา ยํ ทูเร สนฺติเก วา— สพฺพํ รูปํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ทฏฺฐพฺพนฺ”ติ. “รูปเมว นุ โข, ภควา, รูปเมว นุ โข, สุคตา”ติ? “รูปมฺปิ, ราหุล, เวทนาปิ, ราหุล, สญฺญาปิ, ราหุล, สงฺขาราปิ, ราหุล, วิญฺญาณมฺปิ, ราหุลา”ติ. อถ โข อายสฺมา ราหุโล “โก นชฺช ภควตา สมฺมุขา โอวาเทน โอวทิโต คามํ ปิณฺฑาย ปวิสิสฺสตี”ติ ตโต ปฏินิวตฺติตฺวา อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล นิสีทิ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สติํ อุปฏฺฐเปตฺวา. อทฺทสา โข อายสฺมา สาริปุตฺโต อายสฺมนฺตํ ราหุลํ อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล นิสินฺนํ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สติํ อุปฏฺฐเปตฺวา. ทิสฺวาน อายสฺมนฺตํ ราหุลํ อามนฺเตสิ— “อานาปานสฺสติํ, ราหุล, ภาวนํ ภาเวหิ. อานาปานสฺสติ, ราหุล, ภาวนา ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา”ติ.
อถ โข อายสฺมา ราหุโล สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺฐิโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา ราหุโล ภควนฺตํ เอตทโวจ— “กถํ ภาวิตา นุ โข, ภนฺเต, อานาปานสฺสติ, กถํ พหุลีกตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา”ติ? “ยํ กิญฺจิ, ราหุล, อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ กกฺขฬํ ขริคตํ อุปาทินฺนํ, เสยฺยถิทํ— เกสา โลมา นขา ทนฺตา ตโจ มํสํ นฺหารุ อฏฺฐิ อฏฺฐิมิญฺชํ วกฺกํ หทยํ ยกนํ กิโลมกํ ปิหกํ ปปฺผาสํ อนฺตํ อนฺตคุณํ อุทริยํ กรีสํ, ยํ วา ปนญฺญมฺปิ กิญฺจิ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ กกฺขฬํ ขริคตํ อุปาทินฺนํ— อยํ วุจฺจติ, ราหุล, อชฺฌตฺติกา ปถวีธาตุ. ยา เจว โข ปน อชฺฌตฺติกา ปถวีธาตุ ยา จ พาหิรา ปถวีธาตุ, ปถวีธาตุเรเวสา. ตํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ— เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ทฏฺฐพฺพํ. เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ทิสฺวา ปถวีธาตุยา นิพฺพินฺทติ, ปถวีธาตุยา จิตฺตํ วิราเชติ.
กตมา จ, ราหุล, อาโปธาตุ? อาโปธาตุ สิยา อชฺฌตฺติกา, สิยา พาหิรา. กตมา จ, ราหุล, อชฺฌตฺติกา อาโปธาตุ? ยํ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ อาโป อาโปคตํ อุปาทินฺนํ, เสยฺยถิทํ— ปิตฺตํ เสมฺหํ ปุพฺโพ โลหิตํ เสโท เมโท อสฺสุ วสา เขโฬ สิงฺฆาณิกา ลสิกา มุตฺตํ, ยํ วา ปนญฺญมฺปิ กิญฺจิ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ อาโป อาโปคตํ อุปาทินฺนํ— อยํ วุจฺจติ, ราหุล, อชฺฌตฺติกา อาโปธาตุ. ยา เจว โข ปน อชฺฌตฺติกา อาโปธาตุ ยา จ พาหิรา อาโปธาตุ อาโปธาตุเรเวสา. ตํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ— เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ทฏฺฐพฺพํ. เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ทิสฺวา อาโปธาตุยา นิพฺพินฺทติ, อาโปธาตุยา จิตฺตํ วิราเชติ.
กตมา จ, ราหุล, เตโชธาตุ? เตโชธาตุ สิยา อชฺฌตฺติกา, สิยา พาหิรา. กตมา จ, ราหุล, อชฺฌตฺติกา เตโชธาตุ? ยํ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ เตโช เตโชคตํ อุปาทินฺนํ, เสยฺยถิทํ— เยน จ สนฺตปฺปติ เยน จ ชีรียติ เยน จ ปริฑยฺหติ เยน จ อสิตปีตขายิตสายิตํ สมฺมา ปริณามํ คจฺฉติ, ยํ วา ปนญฺญมฺปิ กิญฺจิ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ เตโช เตโชคตํ อุปาทินฺนํ— อยํ วุจฺจติ, ราหุล, อชฺฌตฺติกา เตโชธาตุ. ยา เจว โข ปน อชฺฌตฺติกา เตโชธาตุ ยา จ พาหิรา เตโชธาตุ เตโชธาตุเรเวสา. ตํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ— เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ทฏฺฐพฺพํ. เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ทิสฺวา เตโชธาตุยา นิพฺพินฺทติ, เตโชธาตุยา จิตฺตํ วิราเชติ.
กตมา จ, ราหุล, วาโยธาตุ? วาโยธาตุ สิยา อชฺฌตฺติกา, สิยา พาหิรา. กตมา จ, ราหุล, อชฺฌตฺติกา วาโยธาตุ? ยํ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ วาโย วาโยคตํ อุปาทินฺนํ, เสยฺยถิทํ— อุทฺธงฺคมา วาตา, อโธคมา วาตา, กุจฺฉิสยา วาตา, โกฏฺฐาสยา วาตา, องฺคมงฺคานุสาริโน วาตา, อสฺสาโส ปสฺสาโส อิติ, ยํ วา ปนญฺญมฺปิ กิญฺจิ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ วาโย วาโยคตํ อุปาทินฺนํ— อยํ วุจฺจติ, ราหุล, อชฺฌตฺติกา วาโยธาตุ. ยา เจว โข ปน อชฺฌตฺติกา วาโยธาตุ ยา จ พาหิรา วาโยธาตุ วาโยธาตุเรเวสา. ตํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ— เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ทฏฺฐพฺพํ. เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ทิสฺวา วาโยธาตุยา นิพฺพินฺทติ, วาโยธาตุยา จิตฺตํ วิราเชติ.
กตมา จ, ราหุล, อากาสธาตุ? อากาสธาตุ สิยา อชฺฌตฺติกา, สิยา พาหิรา. กตมา จ, ราหุล, อชฺฌตฺติกา อากาสธาตุ? ยํ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ อากาสํ อากาสคตํ อุปาทินฺนํ, เสยฺยถิทํ— กณฺณจฺฉิทฺทํ นาสจฺฉิทฺทํ มุขทฺวารํ, เยน จ อสิตปีตขายิตสายิตํ อชฺโฌหรติ, ยตฺถ จ อสิตปีตขายิตสายิตํ สนฺติฏฺฐติ, เยน จ อสิตปีตขายิตสายิตํ อโธภาคํ นิกฺขมติ, ยํ วา ปนญฺญมฺปิ กิญฺจิ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ อากาสํ อากาสคตํ, อฆํ อฆคตํ, วิวรํ วิวรคตํ, อสมฺผุฏฺฐํ, มํสโลหิเตหิ อุปาทินฺนํ— อยํ วุจฺจติ, ราหุล, อชฺฌตฺติกา อากาสธาตุ. ยา เจว โข ปน อชฺฌตฺติกา อากาสธาตุ ยา จ พาหิรา อากาสธาตุ อากาสธาตุเรเวสา. ตํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ— เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ทฏฺฐพฺพํ. เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปญฺญาย ทิสฺวา อากาสธาตุยา จิตฺตํ นิพฺพินฺทติ, อากาสธาตุยา จิตฺตํ วิราเชติ.
ปถวีสมํ, ราหุล, ภาวนํ ภาเวหิ. ปถวีสมญฺหิ เต, ราหุล, ภาวนํ ภาวยโต อุปฺปนฺนา มนาปามนาปา ผสฺสา จิตฺตํ น ปริยาทาย ฐสฺสนฺติ. เสยฺยถาปิ, ราหุล, ปถวิยา สุจิมฺปิ นิกฺขิปนฺติ, อสุจิมฺปิ นิกฺขิปนฺติ, คูถคตมฺปิ นิกฺขิปนฺติ, มุตฺตคตมฺปิ นิกฺขิปนฺติ, เขฬคตมฺปิ นิกฺขิปนฺติ, ปุพฺพคตมฺปิ นิกฺขิปนฺติ, โลหิตคตมฺปิ นิกฺขิปนฺติ, น จ เตน ปถวี อฏฺฏียติ วา หรายติ วา ชิคุจฺฉติ วา; เอวเมว โข ตฺวํ, ราหุล, ปถวีสมํ ภาวนํ ภาเวหิ. ปถวีสมญฺหิ เต, ราหุล, ภาวนํ ภาวยโต อุปฺปนฺนา มนาปามนาปา ผสฺสา จิตฺตํ น ปริยาทาย ฐสฺสนฺติ.
อาโปสมํ, ราหุล, ภาวนํ ภาเวหิ. อาโปสมญฺหิ เต, ราหุล, ภาวนํ ภาวยโต อุปฺปนฺนา มนาปามนาปา ผสฺสา จิตฺตํ น ปริยาทาย ฐสฺสนฺติ. เสยฺยถาปิ, ราหุล, อาปสฺมิํ สุจิมฺปิ โธวนฺติ, อสุจิมฺปิ โธวนฺติ, คูถคตมฺปิ โธวนฺติ, มุตฺตคตมฺปิ โธวนฺติ, เขฬคตมฺปิ โธวนฺติ, ปุพฺพคตมฺปิ โธวนฺติ, โลหิตคตมฺปิ โธวนฺติ, น จ เตน อาโป อฏฺฏียติ วา หรายติ วา ชิคุจฺฉติ วา; เอวเมว โข ตฺวํ, ราหุล, อาโปสมํ ภาวนํ ภาเวหิ. อาโปสมญฺหิ เต, ราหุล, ภาวนํ ภาวยโต อุปฺปนฺนา มนาปามนาปา ผสฺสา จิตฺตํ น ปริยาทาย ฐสฺสนฺติ.
เตโชสมํ, ราหุล, ภาวนํ ภาเวหิ. เตโชสมญฺหิ เต, ราหุล, ภาวนํ ภาวยโต อุปฺปนฺนา มนาปามนาปา ผสฺสา จิตฺตํ น ปริยาทาย ฐสฺสนฺติ. เสยฺยถาปิ, ราหุล, เตโช สุจิมฺปิ ทหติ, อสุจิมฺปิ ทหติ, คูถคตมฺปิ ทหติ, มุตฺตคตมฺปิ ทหติ, เขฬคตมฺปิ ทหติ, ปุพฺพคตมฺปิ ทหติ, โลหิตคตมฺปิ ทหติ, น จ เตน เตโช อฏฺฏียติ วา หรายติ วา ชิคุจฺฉติ วา; เอวเมว โข ตฺวํ, ราหุล, เตโชสมํ ภาวนํ ภาเวหิ. เตโชสมญฺหิ เต, ราหุล, ภาวนํ ภาวยโต อุปฺปนฺนา มนาปามนาปา ผสฺสา จิตฺตํ น ปริยาทาย ฐสฺสนฺติ.
วาโยสมํ, ราหุล, ภาวนํ ภาเวหิ. วาโยสมญฺหิ เต, ราหุล, ภาวนํ ภาวยโต อุปฺปนฺนา มนาปามนาปา ผสฺสา จิตฺตํ น ปริยาทาย ฐสฺสนฺติ. เสยฺยถาปิ, ราหุล, วาโย สุจิมฺปิ อุปวายติ, อสุจิมฺปิ อุปวายติ, คูถคตมฺปิ อุปวายติ, มุตฺตคตมฺปิ อุปวายติ, เขฬคตมฺปิ อุปวายติ, ปุพฺพคตมฺปิ อุปวายติ, โลหิตคตมฺปิ อุปวายติ, น จ เตน วาโย อฏฺฏียติ วา หรายติ วา ชิคุจฺฉติ วา; เอวเมว โข ตฺวํ, ราหุล, วาโยสมํ ภาวนํ ภาเวหิ. วาโยสมญฺหิ เต, ราหุล, ภาวนํ ภาวยโต อุปฺปนฺนา มนาปามนาปา ผสฺสา จิตฺตํ น ปริยาทาย ฐสฺสนฺติ.
อากาสสมํ, ราหุล, ภาวนํ ภาเวหิ. อากาสสมญฺหิ เต, ราหุล, ภาวนํ ภาวยโต อุปฺปนฺนา มนาปามนาปา ผสฺสา จิตฺตํ น ปริยาทาย ฐสฺสนฺติ. เสยฺยถาปิ, ราหุล, อากาโส น กตฺถจิ ปติฏฺฐิโต; เอวเมว โข ตฺวํ, ราหุล, อากาสสมํ ภาวนํ ภาเวหิ. อากาสสมญฺหิ เต, ราหุล, ภาวนํ ภาวยโต อุปฺปนฺนา มนาปามนาปา ผสฺสา จิตฺตํ น ปริยาทาย ฐสฺสนฺติ.
เมตฺตํ, ราหุล, ภาวนํ ภาเวหิ. เมตฺตญฺหิ เต, ราหุล, ภาวนํ ภาวยโต โย พฺยาปาโท โส ปหียิสฺสติ. กรุณํ, ราหุล, ภาวนํ ภาเวหิ. กรุณญฺหิ เต, ราหุล, ภาวนํ ภาวยโต ยา วิเหสา สา ปหียิสฺสติ. มุทิตํ, ราหุล, ภาวนํ ภาเวหิ. มุทิตญฺหิ เต, ราหุล, ภาวนํ ภาวยโต ยา อรติ สา ปหียิสฺสติ. อุเปกฺขํ, ราหุล, ภาวนํ ภาเวหิ. อุเปกฺขญฺหิ เต, ราหุล, ภาวนํ ภาวยโต โย ปฏิโฆ โส ปหียิสฺสติ. อสุภํ, ราหุล, ภาวนํ ภาเวหิ. อสุภญฺหิ เต, ราหุล, ภาวนํ ภาวยโต โย ราโค โส ปหียิสฺสติ. อนิจฺจสญฺญํ, ราหุล, ภาวนํ ภาเวหิ. อนิจฺจสญฺญญฺหิ เต, ราหุล, ภาวนํ ภาวยโต โย อสฺมิมาโน โส ปหียิสฺสติ.
อานาปานสฺสติํ, ราหุล, ภาวนํ ภาเวหิ. อานาปานสฺสติ หิ เต, ราหุล, ภาวิตา พหุลีกตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา. กถํ ภาวิตา จ, ราหุล, อานาปานสฺสติ, กถํ พหุลีกตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา? อิธ, ราหุล, ภิกฺขุ อรญฺญคโต วา รุกฺขมูลคโต วา สุญฺญาคารคโต วา นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สติํ อุปฏฺฐเปตฺวา. โส สโตว อสฺสสติ สโตว ปสฺสสติ.
ทีฆํ วา อสฺสสนฺโต ‘ทีฆํ อสฺสสามี’ติ ปชานาติ, ทีฆํ วา ปสฺสสนฺโต ‘ทีฆํ ปสฺสสามี’ติ ปชานาติ; รสฺสํ วา อสฺสสนฺโต ‘รสฺสํ อสฺสสามี’ติ ปชานาติ, รสฺสํ วา ปสฺสสนฺโต ‘รสฺสํ ปสฺสสามี’ติ ปชานาติ. ‘สพฺพกายปฺปฏิสํเวที อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘สพฺพกายปฺปฏิสํเวที ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘ปสฺสมฺภยํ กายสงฺขารํ อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘ปสฺสมฺภยํ กายสงฺขารํ ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ.
‘ปีติปฺปฏิสํเวที อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘ปีติปฺปฏิสํเวที ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘สุขปฺปฏิสํเวที อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘สุขปฺปฏิสํเวที ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘จิตฺตสงฺขารปฺปฏิสํเวที อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘จิตฺตสงฺขารปฺปฏิสํเวที ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘ปสฺสมฺภยํ จิตฺตสงฺขารํ อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘ปสฺสมฺภยํ จิตฺตสงฺขารํ ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ.
‘จิตฺตปฺปฏิสํเวที อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘จิตฺตปฺปฏิสํเวที ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘อภิปฺปโมทยํ จิตฺตํ อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘อภิปฺปโมทยํ จิตฺตํ ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘สมาทหํ จิตฺตํ อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘สมาทหํ จิตฺตํ ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘วิโมจยํ จิตฺตํ อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘วิโมจยํ จิตฺตํ ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ.
‘อนิจฺจานุปสฺสี อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘อนิจฺจานุปสฺสี ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘วิราคานุปสฺสี อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘วิราคานุปสฺสี ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘นิโรธานุปสฺสี อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘นิโรธานุปสฺสี ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสี อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสี ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ.
เอวํ ภาวิตา โข, ราหุล, อานาปานสฺสติ, เอวํ พหุลีกตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา. เอวํ ภาวิตาย, ราหุล, อานาปานสฺสติยา, เอวํ พหุลีกตาย เยปิ เต จริมกา อสฺสาสา เตปิ วิทิตาว นิรุชฺฌนฺติ โน อวิทิตา”ติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน อายสฺมา ราหุโล ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.
มหาราหุโลวาทสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ ทุติยํ.