5.10 สงฺคารวสุตฺต
เอวํ เม สุตํ— เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรติ มหตา ภิกฺขุสํเฆน สทฺธิํ. เตน โข ปน สมเยน ธนญฺชานี นาม พฺราหฺมณี จญฺจลิกปฺเป ปฏิวสติ อภิปฺปสนฺนา พุทฺเธ จ ธมฺเม จ สํเฆ จ. อถ โข ธนญฺชานี พฺราหฺมณี อุปกฺขลิตฺวา ติกฺขตฺตุํ อุทานํ อุทาเนสิ—
“นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส.
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส.
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา”ติ.
เตน โข ปน สมเยน สงฺคารโว นาม มาณโว จญฺจลิกปฺเป ปฏิวสติ ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปญฺจมานํ, ปทโก, เวยฺยากรโณ, โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย. อสฺโสสิ โข สงฺคารโว มาณโว ธนญฺชานิยา พฺราหฺมณิยา เอวํ วาจํ ภาสมานาย. สุตฺวา ธนญฺชานิํ พฺราหฺมณิํ เอตทโวจ— “อวภูตาว อยํ ธนญฺชานี พฺราหฺมณี, ปรภูตาว อยํ ธนญฺชานี พฺราหฺมณี, วิชฺชมานานํ เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ, อถ จ ปน ตสฺส มุณฺฑกสฺส สมณกสฺส วณฺณํ ภาสิสฺสตี”ติ. “น หิ ปน ตฺวํ, ตาต ภทฺรมุข, ตสฺส ภควโต สีลปญฺญาณํ ชานาสิ. สเจ ตฺวํ, ตาต ภทฺรมุข, ตสฺส ภควโต สีลปญฺญาณํ ชาเนยฺยาสิ, น ตฺวํ, ตาต ภทฺรมุข, ตํ ภควนฺตํ อกฺโกสิตพฺพํ ปริภาสิตพฺพํ มญฺเญยฺยาสี”ติ. “เตน หิ, โภติ, ยทา สมโณ โคตโม จญฺจลิกปฺปํ อนุปฺปตฺโต โหติ อถ เม อาโรเจยฺยาสี”ติ. “เอวํ, ภทฺรมุขา”ติ โข ธนญฺชานี พฺราหฺมณี สงฺคารวสฺส มาณวสฺส ปจฺจโสฺสสิ.
อถ โข ภควา โกสเลสุ อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน จญฺจลิกปฺปํ ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา จญฺจลิกปฺเป วิหรติ โตเทยฺยานํ พฺราหฺมณานํ อมฺพวเน. อสฺโสสิ โข ธนญฺชานี พฺราหฺมณี— “ภควา กิร จญฺจลิกปฺปํ อนุปฺปตฺโต, จญฺจลิกปฺเป วิหรติ โตเทยฺยานํ พฺราหฺมณานํ อมฺพวเน”ติ. อถ โข ธนญฺชานี พฺราหฺมณี เยน สงฺคารโว มาณโว เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา สงฺคารวํ มาณวํ เอตทโวจ— “อยํ, ตาต ภทฺรมุข, โส ภควา จญฺจลิกปฺปํ อนุปฺปตฺโต, จญฺจลิกปฺเป วิหรติ โตเทยฺยานํ พฺราหฺมณานํ อมฺพวเน. ยสฺสทานิ, ตาต ภทฺรมุข, กาลํ มญฺญสี”ติ.
“เอวํ, โภ”ติ โข สงฺคารโว มาณโว ธนญฺชานิยา พฺราหฺมณิยา ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข สงฺคารโว มาณโว ภควนฺตํ เอตทโวจ—
“สนฺติ โข, โภ โคตม, เอเก สมณพฺราหฺมณา ทิฏฺฐธมฺมาภิญฺญาโวสานปารมิปฺปตฺตา, อาทิพฺรหฺมจริยํ ปฏิชานนฺติ. ตตฺร, โภ โคตม, เย เต สมณพฺราหฺมณา ทิฏฺฐธมฺมาภิญฺญาโวสานปารมิปฺปตฺตา, อาทิพฺรหฺมจริยํ ปฏิชานนฺติ, เตสํ ภวํ โคตโม กตโม”ติ?
“ทิฏฺฐธมฺมาภิญฺญาโวสานปารมิปฺปตฺตานํ, อาทิพฺรหฺมจริยํ ปฏิชานนฺตานมฺปิ โข อหํ, ภารทฺวาช, เวมตฺตํ วทามิ. สนฺติ, ภารทฺวาช, เอเก สมณพฺราหฺมณา อนุสฺสวิกา. เต อนุสฺสเวน ทิฏฺฐธมฺมาภิญฺญาโวสานปารมิปฺปตฺตา, อาทิพฺรหฺมจริยํ ปฏิชานนฺติ; เสยฺยถาปิ พฺราหฺมณา เตวิชฺชา. สนฺติ ปน, ภารทฺวาช, เอเก สมณพฺราหฺมณา เกวลํ สทฺธามตฺตเกน ทิฏฺฐธมฺมาภิญฺญาโวสานปารมิปฺปตฺตา, อาทิพฺรหฺมจริยํ ปฏิชานนฺติ; เสยฺยถาปิ ตกฺกี วีมํสี. สนฺติ, ภารทฺวาช, เอเก สมณพฺราหฺมณา ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ สามํเยว ธมฺมํ อภิญฺญาย ทิฏฺฐธมฺมาภิญฺญาโวสานปารมิปฺปตฺตา, อาทิพฺรหฺมจริยํ ปฏิชานนฺติ. ตตฺร, ภารทฺวาช, เย เต สมณพฺราหฺมณา ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ สามํเยว ธมฺมํ อภิญฺญาย ทิฏฺฐธมฺมาภิญฺญาโวสานปารมิปฺปตฺตา, อาทิพฺรหฺมจริยํ ปฏิชานนฺติ, เตสาหมสฺมิ. ตทมินาเปตํ, ภารทฺวาช, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ, ยถา เย เต สมณพฺราหฺมณา ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ สามํเยว ธมฺมํ อภิญฺญาย ทิฏฺฐธมฺมาภิญฺญาโวสานปารมิปฺปตฺตา, อาทิพฺรหฺมจริยํ ปฏิชานนฺติ, เตสาหมสฺมิ.
อิธ เม, ภารทฺวาช, ปุพฺเพว สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตเสฺสว สโต เอตทโหสิ— ‘สมฺพาโธ ฆราวาโส รชาปโถ, อพฺโภกาโส ปพฺพชฺชา. นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํ. ยนฺนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺยนฺ’ติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, อปเรน สมเยน ทหโรว สมาโน สุสุกาฬเกโส ภเทฺรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต ปฐเมน วยสา อกามกานํ มาตาปิตูนํ อสฺสุมุขานํ รุทนฺตานํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิํ. โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน กิํกุสลคเวสี อนุตฺตรํ สนฺติวรปทํ ปริเยสมาโน เยน อาฬาโร กาลาโม เตนุปสงฺกมิํ; อุปสงฺกมิตฺวา อาฬารํ กาลามํ เอตทโวจํ— ‘อิจฺฉามหํ, อาวุโส กาลาม, อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย พฺรหฺมจริยํ จริตุนฺ’ติ. เอวํ วุตฺเต, ภารทฺวาช, อาฬาโร กาลาโม มํ เอตทโวจ— ‘วิหรตายสฺมา. ตาทิโส อยํ ธมฺโม ยตฺถ วิญฺญู ปุริโส นจิรเสฺสว สกํ อาจริยกํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’ติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, นจิรเสฺสว ขิปฺปเมว ตํ ธมฺมํ ปริยาปุณิํ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, ตาวตเกเนว โอฏฺฐปหตมตฺเตน ลปิตลาปนมตฺเตน ‘ญาณวาทญฺจ วทามิ, เถรวาทญฺจ ชานามิ, ปสฺสามี’ติ จ ปฏิชานามิ, อหญฺเจว อญฺเญ จ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ— ‘น โข อาฬาโร กาลาโม อิมํ ธมฺมํ เกวลํ สทฺธามตฺตเกน สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทติ; อทฺธา อาฬาโร กาลาโม อิมํ ธมฺมํ ชานํ ปสฺสํ วิหรตี’ติ.
อถ ขฺวาหํ, ภารทฺวาช, เยน อาฬาโร กาลาโม เตนุปสงฺกมิํ; อุปสงฺกมิตฺวา อาฬารํ กาลามํ เอตทโวจํ— ‘กิตฺตาวตา โน, อาวุโส กาลาม, อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทสี’ติ? เอวํ วุตฺเต, ภารทฺวาช, อาฬาโร กาลาโม อากิญฺจญฺญายตนํ ปเวเทสิ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ— ‘น โข อาฬารเสฺสว กาลามสฺส อตฺถิ สทฺธา, มยฺหมฺปตฺถิ สทฺธา; น โข อาฬารเสฺสว กาลามสฺส อตฺถิ วีริยํ …เป… สติ… สมาธิ… ปญฺญา, มยฺหมฺปตฺถิ ปญฺญา. ยนฺนูนาหํ ยํ ธมฺมํ อาฬาโร กาลาโม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทติ ตสฺส ธมฺมสฺส สจฺฉิกิริยาย ปทเหยฺยนฺ’ติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, นจิรเสฺสว ขิปฺปเมว ตํ ธมฺมํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิํ. อถ ขฺวาหํ, ภารทฺวาช, เยน อาฬาโร กาลาโม เตนุปสงฺกมิํ; อุปสงฺกมิตฺวา อาฬารํ กาลามํ เอตทโวจํ— ‘เอตฺตาวตา โน, อาวุโส กาลาม, อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสี’ติ? ‘เอตฺตาวตา โข อหํ, อาวุโส, อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทมี’ติ. ‘อหมฺปิ โข, อาวุโส, เอตฺตาวตา อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามี’ติ. ‘ลาภา โน, อาวุโส, สุลทฺธํ โน, อาวุโส, เย มยํ อายสฺมนฺตํ ตาทิสํ สพฺรหฺมจาริํ ปสฺสาม. อิติ ยาหํ ธมฺมํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทมิ ตํ ตฺวํ ธมฺมํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรสิ; ยํ ตฺวํ ธมฺมํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรสิ ตมหํ ธมฺมํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทมิ. อิติ ยาหํ ธมฺมํ ชานามิ ตํ ตฺวํ ธมฺมํ ชานาสิ, ยํ ตฺวํ ธมฺมํ ชานาสิ ตมหํ ธมฺมํ ชานามิ. อิติ ยาทิโส อหํ ตาทิโส ตุวํ, ยาทิโส ตุวํ ตาทิโส อหํ. เอหิ ทานิ, อาวุโส, อุโภว สนฺตา อิมํ คณํ ปริหรามา’ติ. อิติ โข, ภารทฺวาช, อาฬาโร กาลาโม อาจริโย เม สมาโน อตฺตโน อนฺเตวาสิํ มํ สมานํ อตฺตนา สมสมํ ฐเปสิ, อุฬาราย จ มํ ปูชาย ปูเชสิ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ— ‘นายํ ธมฺโม นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิญฺญาย น สมฺโพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตติ, ยาวเทว อากิญฺจญฺญายตนูปปตฺติยา’ติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, ตํ ธมฺมํ อนลงฺกริตฺวา ตสฺมา ธมฺมา นิพฺพิชฺช อปกฺกมิํ.
โส โข อหํ, ภารทฺวาช, กิํกุสลคเวสี อนุตฺตรํ สนฺติวรปทํ ปริเยสมาโน เยน อุทโก รามปุตฺโต เตนุปสงฺกมิํ; อุปสงฺกมิตฺวา อุทกํ รามปุตฺตํ เอตทโวจํ— ‘อิจฺฉามหํ, อาวุโส, อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย พฺรหฺมจริยํ จริตุนฺ’ติ. เอวํ วุตฺเต, ภารทฺวาช, อุทโก รามปุตฺโต มํ เอตทโวจ— ‘วิหรตายสฺมา. ตาทิโส อยํ ธมฺโม ยตฺถ วิญฺญู ปุริโส นจิรเสฺสว สกํ อาจริยกํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’ติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, นจิรเสฺสว ขิปฺปเมว ตํ ธมฺมํ ปริยาปุณิํ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, ตาวตเกเนว โอฏฺฐปหตมตฺเตน ลปิตลาปนมตฺเตน ‘ญาณวาทญฺจ วทามิ, เถรวาทญฺจ ชานามิ, ปสฺสามี’ติ จ ปฏิชานามิ, อหญฺเจว อญฺเญ จ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ— ‘น โข ราโม อิมํ ธมฺมํ เกวลํ สทฺธามตฺตเกน สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทสิ; อทฺธา ราโม อิมํ ธมฺมํ ชานํ ปสฺสํ วิหาสี’ติ. อถ ขฺวาหํ, ภารทฺวาช, เยน อุทโก รามปุตฺโต เตนุปสงฺกมิํ; อุปสงฺกมิตฺวา อุทกํ รามปุตฺตํ เอตทโวจํ— ‘กิตฺตาวตา โน, อาวุโส, ราโม อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทสี’ติ? เอวํ วุตฺเต, ภารทฺวาช, อุทโก รามปุตฺโต เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ ปเวเทสิ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ— ‘น โข รามเสฺสว อโหสิ สทฺธา, มยฺหมฺปตฺถิ สทฺธา; น โข รามเสฺสว อโหสิ วีริยํ …เป… สติ… สมาธิ… ปญฺญา, มยฺหมฺปตฺถิ ปญฺญา. ยนฺนูนาหํ ยํ ธมฺมํ ราโม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามีติ ปเวเทสิ ตสฺส ธมฺมสฺส สจฺฉิกิริยาย ปทเหยฺยนฺ’ติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, นจิรเสฺสว ขิปฺปเมว ตํ ธมฺมํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิํ.
อถ ขฺวาหํ, ภารทฺวาช, เยน อุทโก รามปุตฺโต เตนุปสงฺกมิํ; อุปสงฺกมิตฺวา อุทกํ รามปุตฺตํ เอตทโวจํ— ‘เอตฺตาวตา โน, อาวุโส, ราโม อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสี’ติ? ‘เอตฺตาวตา โข, อาวุโส, ราโม อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสี’ติ. ‘อหมฺปิ โข, อาวุโส, เอตฺตาวตา อิมํ ธมฺมํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรามี’ติ. ‘ลาภา โน, อาวุโส, สุลทฺธํ โน, อาวุโส, เย มยํ อายสฺมนฺตํ ตาทิสํ สพฺรหฺมจาริํ ปสฺสาม. อิติ ยํ ธมฺมํ ราโม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสิ ตํ ตฺวํ ธมฺมํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรสิ; ยํ ตฺวํ ธมฺมํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรสิ ตํ ธมฺมํ ราโม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช ปเวเทสิ. อิติ ยํ ธมฺมํ ราโม อภิญฺญาสิ ตํ ตฺวํ ธมฺมํ ชานาสิ, ยํ ตฺวํ ธมฺมํ ชานาสิ ตํ ธมฺมํ ราโม อภิญฺญาสิ. อิติ ยาทิโส ราโม อโหสิ ตาทิโส ตุวํ, ยาทิโส ตุวํ ตาทิโส ราโม อโหสิ. เอหิ ทานิ, อาวุโส, ตุวํ อิมํ คณํ ปริหรา’ติ. อิติ โข, ภารทฺวาช, อุทโก รามปุตฺโต สพฺรหฺมจารี เม สมาโน อาจริยฏฺฐาเน มํ ฐเปสิ, อุฬาราย จ มํ ปูชาย ปูเชสิ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ— ‘นายํ ธมฺโม นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย น อุปสมาย น อภิญฺญาย น สมฺโพธาย น นิพฺพานาย สํวตฺตติ, ยาวเทว เนวสญฺญานาสญฺญายตนูปปตฺติยา’ติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, ตํ ธมฺมํ อนลงฺกริตฺวา ตสฺมา ธมฺมา นิพฺพิชฺช อปกฺกมิํ.
โส โข อหํ, ภารทฺวาช, กิํกุสลคเวสี อนุตฺตรํ สนฺติวรปทํ ปริเยสมาโน มคเธสุ อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน อุรุเวลา เสนานิคโม ตทวสริํ. ตตฺถทฺทสํ รมณียํ ภูมิภาคํ, ปาสาทิกญฺจ วนสณฺฑํ, นทิญฺจ สนฺทนฺติํ เสตกํ สุปติตฺถํ รมณียํ, สมนฺตา จ โคจรคามํ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ— ‘รมณีโย วต โภ ภูมิภาโค, ปาสาทิโก จ วนสณฺโฑ, นที จ สนฺทติ เสตกา สุปติตฺถา รมณียา, สมนฺตา จ โคจรคาโม. อลํ วติทํ กุลปุตฺตสฺส ปธานตฺถิกสฺส ปธานายา’ติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, ตตฺเถว นิสีทิํ— ‘อลมิทํ ปธานายา’ติ. อปิสฺสุ มํ, ภารทฺวาช, ติโสฺส อุปมา ปฏิภํสุ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา.
เสยฺยถาปิ, ภารทฺวาช, อลฺลํ กฏฺฐํ สเสฺนหํ อุทเก นิกฺขิตฺตํ. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย อุตฺตรารณิํ อาทาย— ‘อคฺคิํ อภินิพฺพตฺเตสฺสามิ, เตโช ปาตุกริสฺสามี’ติ. ตํ กิํ มญฺญสิ, ภารทฺวาช, อปิ นุ โส ปุริโส อมุํ อลฺลํ กฏฺฐํ สเสฺนหํ อุทเก นิกฺขิตฺตํ อุตฺตรารณิํ อาทาย อภิมนฺเถนฺโต อคฺคิํ อภินิพฺพตฺเตยฺย, เตโช ปาตุกเรยฺยา”ติ? “โน หิทํ, โภ โคตม. ตํ กิสฺส เหตุ? อทุญฺหิ, โภ โคตม, อลฺลํ กฏฺฐํ สเสฺนหํ, ตญฺจ ปน อุทเก นิกฺขิตฺตํ; ยาวเทว จ ปน โส ปุริโส กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา”ติ. “เอวเมว โข, ภารทฺวาช, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา กาเยน เจว จิตฺเตน จ กาเมหิ อวูปกฏฺฐา วิหรนฺติ, โย จ เนสํ กาเมสุ กามจฺฉนฺโท กามเสฺนโห กามมุจฺฉา กามปิปาสา กามปริฬาโห โส จ อชฺฌตฺตํ น สุปฺปหีโน โหติ น สุปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, โอปกฺกมิกา เจปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, อภพฺพาว เต ญาณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. โน เจปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ อภพฺพาว เต ญาณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. อยํ โข มํ, ภารทฺวาช, ปฐมา อุปมา ปฏิภาสิ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา.
อปราปิ โข มํ, ภารทฺวาช, ทุติยา อุปมา ปฏิภาสิ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา. เสยฺยถาปิ, ภารทฺวาช, อลฺลํ กฏฺฐํ สเสฺนหํ อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํ. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย อุตฺตรารณิํ อาทาย— ‘อคฺคิํ อภินิพฺพตฺเตสฺสามิ, เตโช ปาตุกริสฺสามี’ติ. ตํ กิํ มญฺญสิ, ภารทฺวาช, อปิ นุ โส ปุริโส อมุํ อลฺลํ กฏฺฐํ สเสฺนหํ อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํ อุตฺตรารณิํ อาทาย อภิมนฺเถนฺโต อคฺคิํ อภินิพฺพตฺเตยฺย เตโช ปาตุกเรยฺยา”ติ? “โน หิทํ, โภ โคตม. ตํ กิสฺส เหตุ? อทุญฺหิ, โภ โคตม, อลฺลํ กฏฺฐํ สเสฺนหํ, กิญฺจาปิ อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํ; ยาวเทว จ ปน โส ปุริโส กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา”ติ. “เอวเมว โข, ภารทฺวาช, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา กาเยน เจว จิตฺเตน จ กาเมหิ วูปกฏฺฐา วิหรนฺติ, โย จ เนสํ กาเมสุ กามจฺฉนฺโท กามเสฺนโห กามมุจฺฉา กามปิปาสา กามปริฬาโห โส จ อชฺฌตฺตํ น สุปฺปหีโน โหติ น สุปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, โอปกฺกมิกา เจปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, อภพฺพาว เต ญาณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. โน เจปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, อภพฺพาว เต ญาณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. อยํ โข มํ, ภารทฺวาช, ทุติยา อุปมา ปฏิภาสิ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา.
อปราปิ โข มํ, ภารทฺวาช, ตติยา อุปมา ปฏิภาสิ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา. เสยฺยถาปิ, ภารทฺวาช, สุกฺขํ กฏฺฐํ โกฬาปํ อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํ. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย อุตฺตรารณิํ อาทาย— ‘อคฺคิํ อภินิพฺพตฺเตสฺสามิ, เตโช ปาตุกริสฺสามี’ติ. ตํ กิํ มญฺญสิ, ภารทฺวาช, อปิ นุ โส ปุริโส อมุํ สุกฺขํ กฏฺฐํ โกฬาปํ อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตํ อุตฺตรารณิํ อาทาย อภิมนฺเถนฺโต อคฺคิํ อภินิพฺพตฺเตยฺย, เตโช ปาตุกเรยฺยา”ติ? “เอวํ, โภ โคตม. ตํ กิสฺส เหตุ? อทุญฺหิ, โภ โคตม, สุกฺขํ กฏฺฐํ โกฬาปํ, ตญฺจ ปน อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตนฺ”ติ. “เอวเมว โข, ภารทฺวาช, เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา กาเยน เจว จิตฺเตน จ กาเมหิ วูปกฏฺฐา วิหรนฺติ, โย จ เนสํ กาเมสุ กามจฺฉนฺโท กามเสฺนโห กามมุจฺฉา กามปิปาสา กามปริฬาโห โส จ อชฺฌตฺตํ สุปฺปหีโน โหติ สุปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, โอปกฺกมิกา เจปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, ภพฺพาว เต ญาณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. โน เจปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, ภพฺพาว เต ญาณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธาย. อยํ โข มํ, ภารทฺวาช, ตติยา อุปมา ปฏิภาสิ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา. อิมา โข มํ, ภารทฺวาช, ติโสฺส อุปมา ปฏิภํสุ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา.
ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ— ‘ยนฺนูนาหํ ทนฺเตภิทนฺตมาธาย, ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ, เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคเณฺหยฺยํ อภินิปฺปีเฬยฺยํ อภิสนฺตาเปยฺยนฺ’ติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, ทนฺเตภิทนฺตมาธาย, ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ, เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหามิ อภินิปฺปีเฬมิ อภิสนฺตาเปมิ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, ทนฺเตภิทนฺตมาธาย, ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ, เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหโต อภินิปฺปีฬยโต อภิสนฺตาปยโต กจฺเฉหิ เสทา มุจฺจนฺติ. เสยฺยถาปิ, ภารทฺวาช, พลวา ปุริโส ทุพฺพลตรํ ปุริสํ สีเส วา คเหตฺวา ขนฺเธ วา คเหตฺวา อภินิคฺคเณฺหยฺย อภินิปฺปีเฬยฺย อภิสนฺตาเปยฺย; เอวเมว โข เม, ภารทฺวาช, ทนฺเตภิทนฺตมาธาย, ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ, เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหโต อภินิปฺปีฬยโต อภิสนฺตาปยโต กจฺเฉหิ เสทา มุจฺจนฺติ. อารทฺธํ โข ปน เม, ภารทฺวาช, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺฐิตา สติ อสมฺมุฏฺฐา; สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต.
ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ— ‘ยนฺนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺยนฺ’ติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธิํ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ กณฺณโสเตหิ วาตานํ นิกฺขมนฺตานํ อธิมตฺโต สทฺโท โหติ. เสยฺยถาปิ นาม กมฺมารคคฺคริยา ธมมานาย อธิมตฺโต สทฺโท โหติ; เอวเมว โข เม, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ กณฺณโสเตหิ วาตานํ นิกฺขมนฺตานํ อธิมตฺโต สทฺโท โหติ. อารทฺธํ โข ปน เม, ภารทฺวาช, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺฐิตา สติ อสมฺมุฏฺฐา; สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต.
ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ— ‘ยนฺนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺยนฺ’ติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธิํ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา วาตา มุทฺธนิ อูหนนฺติ. เสยฺยถาปิ, ภารทฺวาช, พลวา ปุริโส, ติเณฺหน สิขเรน มุทฺธนิ อภิมตฺเถยฺย; เอวเมว โข เม, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา วาตา มุทฺธนิ อูหนนฺติ. อารทฺธํ โข ปน เม, ภารทฺวาช, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺฐิตา สติ อสมฺมุฏฺฐา; สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต.
ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ— ‘ยนฺนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺยนฺ’ติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธิํ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา สีเส สีสเวทนา โหนฺติ. เสยฺยถาปิ, ภารทฺวาช, พลวา ปุริโส ทเฬฺหน วรตฺตกฺขณฺเฑน สีเส สีสเวฐํ ทเทยฺย; เอวเมว โข, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา สีเส สีสเวทนา โหนฺติ. อารทฺธํ โข ปน เม, ภารทฺวาช, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺฐิตา สติ อสมฺมุฏฺฐา; สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต.
ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ— ‘ยนฺนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺยนฺ’ติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธิํ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา วาตา กุจฺฉิํ ปริกนฺตนฺติ. เสยฺยถาปิ, ภารทฺวาช, ทกฺโข โคฆาตโก วา โคฆาตกนฺเตวาสี วา ติเณฺหน โควิกนฺตเนน กุจฺฉิํ ปริกนฺเตยฺย; เอวเมว โข เม, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺตา วาตา กุจฺฉิํ ปริกนฺตนฺติ. อารทฺธํ โข ปน เม, ภารทฺวาช, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ อุปฏฺฐิตา สติ อสมฺมุฏฺฐา; สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต.
ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ— ‘ยนฺนูนาหํ อปฺปาณกํเยว ฌานํ ฌาเยยฺยนฺ’ติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธิํ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺโต กายสฺมิํ ฑาโห โหติ. เสยฺยถาปิ, ภารทฺวาช, ทฺเว พลวนฺโต ปุริสา ทุพฺพลตรํ ปุริสํ นานาพาหาสุ คเหตฺวา องฺคารกาสุยา สนฺตาเปยฺยุํ สมฺปริตาเปยฺยุํ; เอวเมว โข เม, ภารทฺวาช, มุขโต จ นาสโต จ กณฺณโต จ อสฺสาสปสฺสาเสสุ อุปรุทฺเธสุ อธิมตฺโต กายสฺมิํ ฑาโห โหติ. อารทฺธํ โข ปน เม, ภารทฺวาช, วีริยํ โหติ อสลฺลีนํ, อุปฏฺฐิตา สติ อสมฺมุฏฺฐา, สารทฺโธ จ ปน เม กาโย โหติ อปฺปฏิปฺปสฺสทฺโธ, เตเนว ทุกฺขปฺปธาเนน ปธานาภิตุนฺนสฺส สโต. อปิสฺสุ มํ, ภารทฺวาช, เทวตา ทิสฺวา เอวมาหํสุ— ‘กาลงฺกโต สมโณ โคตโม’ติ. เอกจฺจา เทวตา เอวมาหํสุ— ‘น กาลงฺกโต สมโณ โคตโม, อปิ จ กาลํ กโรตี’ติ. เอกจฺจา เทวตา เอวมาหํสุ— ‘น กาลงฺกโต สมโณ โคตโม, นาปิ กาลํ กโรติ; อรหํ สมโณ โคตโม, วิหาโร เตฺวว โส อรหโต เอวรูโป โหตี’ติ.
ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ— ‘ยนฺนูนาหํ สพฺพโส อาหารุปจฺเฉทาย ปฏิปชฺเชยฺยนฺ’ติ. อถ โข มํ, ภารทฺวาช, เทวตา อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจุํ— ‘มา โข ตฺวํ, มาริส, สพฺพโส อาหารุปจฺเฉทาย ปฏิปชฺชิ. สเจ โข ตฺวํ, มาริส, สพฺพโส อาหารุปจฺเฉทาย ปฏิปชฺชิสฺสสิ, ตสฺส เต มยํ ทิพฺพํ โอชํ โลมกูเปหิ อชฺโฌหาเรสฺสาม. ตาย ตฺวํ ยาเปสฺสสี’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ— ‘อหญฺเจว โข ปน สพฺพโส อชชฺชิตํ ปฏิชาเนยฺยํ, อิมา จ เม เทวตา ทิพฺพํ โอชํ โลมกูเปหิ อชฺโฌหาเรยฺยุํ, ตาย จาหํ ยาเปยฺยํ. ตํ มมสฺส มุสา’ติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, ตา เทวตา ปจฺจาจิกฺขามิ, ‘หลนฺ’ติ วทามิ.
ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ— ‘ยนฺนูนาหํ โถกํ โถกํ อาหารํ อาหาเรยฺยํ ปสตํ ปสตํ, ยทิ วา มุคฺคยูสํ, ยทิ วา กุลตฺถยูสํ, ยทิ วา กฬายยูสํ, ยทิ วา หเรณุกยูสนฺ’ติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, โถกํ โถกํ อาหารํ อาหาเรสิํ ปสตํ ปสตํ, ยทิ วา มุคฺคยูสํ, ยทิ วา กุลตฺถยูสํ, ยทิ วา กฬายยูสํ, ยทิ วา หเรณุกยูสํ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, โถกํ โถกํ อาหารํ อาหารยโต ปสตํ ปสตํ, ยทิ วา มุคฺคยูสํ, ยทิ วา กุลตฺถยูสํ, ยทิ วา กฬายยูสํ, ยทิ วา หเรณุกยูสํ, อธิมตฺตกสิมานํ ปตฺโต กาโย โหติ. เสยฺยถาปิ นาม อาสีติกปพฺพานิ วา กาฬปพฺพานิ วา; เอวเมวสฺสุ เม องฺคปจฺจงฺคานิ ภวนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม โอฏฺฐปทํ; เอวเมวสฺสุ เม อานิสทํ โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย; เสยฺยถาปิ นาม วฏฺฏนาวฬี; เอวเมวสฺสุ เม ปิฏฺฐิกณฺฏโก อุณฺณตาวนโต โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม ชรสาลาย โคปานสิโย โอลุคฺควิลุคฺคา ภวนฺติ; เอวเมวสฺสุ เม ผาสุฬิโย โอลุคฺควิลุคฺคา ภวนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม คมฺภีเร อุทปาเน อุทกตารกา คมฺภีรคตา โอกฺขายิกา ทิสฺสนฺติ; เอวเมวสฺสุ เม อกฺขิกูเปสุ อกฺขิตารกา คมฺภีรคตา โอกฺขายิกา ทิสฺสนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม ติตฺตกาลาพุ อามกจฺฉินฺโน วาตาตเปน สมฺผุฏิโต โหติ สมฺมิลาโต; เอวเมวสฺสุ เม สีสจฺฉวิ สมฺผุฏิตา โหติ สมฺมิลาตา ตาเยวปฺปาหารตาย. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, ‘อุทรจฺฉวิํ ปริมสิสฺสามี’ติ ปิฏฺฐิกณฺฏกํเยว ปริคฺคณฺหามิ, ‘ปิฏฺฐิกณฺฏกํ ปริมสิสฺสามี’ติ อุทรจฺฉวิํเยว ปริคฺคณฺหามิ; ยาวสฺสุ เม, ภารทฺวาช, อุทรจฺฉวิ ปิฏฺฐิกณฺฏกํ อลฺลีนา โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, ‘วจฺจํ วา มุตฺตํ วา กริสฺสามี’ติ ตตฺเถว อวกุชฺโช ปปตามิ ตาเยวปฺปาหารตาย. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, อิมเมว กายํ อสฺสาเสนฺโต ปาณินา คตฺตานิ อนุมชฺชามิ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, ปาณินา คตฺตานิ อนุมชฺชโต ปูติมูลานิ โลมานิ กายสฺมา ปปตนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย. อปิสฺสุ มํ, ภารทฺวาช, มนุสฺสา ทิสฺวา เอวมาหํสุ— ‘กาโฬ สมโณ โคตโม’ติ. เอกจฺเจ มนุสฺสา เอวมาหํสุ— ‘น กาโฬ สมโณ โคตโม, สาโม สมโณ โคตโม’ติ. เอกจฺเจ มนุสฺสา เอวมาหํสุ— ‘น กาโฬ สมโณ โคตโม นปิ สาโม, มงฺคุรจฺฉวิ สมโณ โคตโม’ติ; ยาวสฺสุ เม, ภารทฺวาช, ตาว ปริสุทฺโธ ฉวิวณฺโณ ปริโยทาโต อุปหโต โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย.
ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ— ‘เย โข เกจิ อตีตมทฺธานํ สมณา วา พฺราหฺมณา วา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยิํสุ, เอตาวปรมํ, นยิโต ภิโยฺย; เยปิ หิ เกจิ อนาคตมทฺธานํ สมณา วา พฺราหฺมณา วา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยิสฺสนฺติ, เอตาวปรมํ, นยิโต ภิโยฺย; เยปิ หิ เกจิ เอตรหิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ, เอตาวปรมํ, นยิโต ภิโยฺย. น โข ปนาหํ อิมาย กฏุกาย ทุกฺกรการิกาย อธิคจฺฉามิ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อลมริยญาณทสฺสนวิเสสํ. สิยา นุ โข อญฺโญ มคฺโค โพธายา’ติ? ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ— ‘อภิชานามิ โข ปนาหํ ปิตุ สกฺกสฺส กมฺมนฺเต สีตาย ชมฺพุจฺฉายาย นิสินฺโน วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหริตา. สิยา นุ โข เอโส มคฺโค โพธายา’ติ? ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, สตานุสาริ วิญฺญาณํ อโหสิ— ‘เอเสว มคฺโค โพธายา’ติ. ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ— ‘กิํ นุ โข อหํ ตสฺส สุขสฺส ภายามิ ยํ ตํ สุขํ อญฺญเตฺรว กาเมหิ อญฺญตฺร อกุสเลหิ ธมฺเมหี’ติ? ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ— ‘น โข อหํ ตสฺส สุขสฺส ภายามิ ยํ ตํ สุขํ อญฺญเตฺรว กาเมหิ อญฺญตฺร อกุสเลหิ ธมฺเมหี’ติ.
ตสฺส มยฺหํ, ภารทฺวาช, เอตทโหสิ— ‘น โข ตํ สุกรํ สุขํ อธิคนฺตุํ เอวํ อธิมตฺตกสิมานํ ปตฺตกาเยน. ยนฺนูนาหํ โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรยฺยํ โอทนกุมฺมาสนฺ’ติ. โส โข อหํ, ภารทฺวาช, โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรสิํ โอทนกุมฺมาสํ. เตน โข ปน มํ, ภารทฺวาช, สมเยน ปญฺจวคฺคิยา ภิกฺขู ปจฺจุปฏฺฐิตา โหนฺติ— ‘ยํ โข สมโณ โคตโม ธมฺมํ อธิคมิสฺสติ ตํ โน อาโรเจสฺสตี’ติ. ยโต โข อหํ, ภารทฺวาช, โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรสิํ โอทนกุมฺมาสํ, อถ เม เต ปญฺจวคฺคิยา ภิกฺขู นิพฺพิชฺช ปกฺกมิํสุ— ‘พาหุลฺลิโก สมโณ โคตโม ปธานวิพฺภนฺโต อาวตฺโต พาหุลฺลายา’ติ.
โส โข อหํ, ภารทฺวาช, โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรตฺวา พลํ คเหตฺวา วิวิจฺเจว กาเมหิ …เป… ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสิํ. วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ… ตติยํ ฌานํ… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสิํ.
โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ฐิเต อาเนญฺชปฺปตฺเต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติญาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสิํ. โส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรามิ, เสยฺยถิทํ— เอกมฺปิ ชาติํ ทฺเวปิ ชาติโย …เป… อิติ สาการํ เสาทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรามิ. อยํ โข เม, ภารทฺวาช, รตฺติยา ปฐเม ยาเม ปฐมา วิชฺชา อธิคตา, อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน; ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต.
โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ฐิเต อาเนญฺชปฺปตฺเต สตฺตานํ จุตูปปาตญาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสิํ. โส ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสามิ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานามิ …เป… อยํ โข เม, ภารทฺวาช, รตฺติยา มชฺฌิเม ยาเม ทุติยา วิชฺชา อธิคตา, อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน; ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต.
โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ฐิเต อาเนญฺชปฺปตฺเต อาสวานํ ขยญาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสิํ. โส ‘อิทํ ทุกฺขนฺ’ติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ; ‘อิเม อาสวา’ติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ, ‘อยํ อาสวสมุทโย’ติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ, ‘อยํ อาสวนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ, ‘อยํ อาสวนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ. ตสฺส เม เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ, อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ. วิมุตฺตสฺมิํ วิมุตฺตมิติ ญาณํ อโหสิ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภญฺญาสิํ. อยํ โข เม, ภารทฺวาช, รตฺติยา ปจฺฉิเม ยาเม ตติยา วิชฺชา อธิคตา, อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน; ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต”ติ.
เอวํ วุตฺเต, สงฺคารโว มาณโว ภควนฺตํ เอตทโวจ— “อฏฺฐิตวตํ โภโต โคตมสฺส ปธานํ อโหสิ, สปฺปุริสวตํ โภโต โคตมสฺส ปธานํ อโหสิ; ยถา ตํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. กิํ นุ โข, โภ โคตม, อตฺถิ เทวา”ติ? “ฐานโส เมตํ, ภารทฺวาช, วิทิตํ ยทิทํ— อธิเทวา”ติ. “กิํ นุ โข, โภ โคตม, ‘อตฺถิ เทวา’ติ ปุฏฺโฐ สมาโน ‘ฐานโส เมตํ, ภารทฺวาช, วิทิตํ ยทิทํ อธิเทวา’ติ วเทสิ. นนุ, โภ โคตม, เอวํ สนฺเต ตุจฺฉา มุสา โหตี”ติ? “‘อตฺถิ เทวา’ติ, ภารทฺวาช, ปุฏฺโฐ สมาโน ‘อตฺถิ เทวา’ติ โย วเทยฺย, ‘ฐานโส เม วิทิตา’ติ โย วเทยฺย; อถ เขฺวตฺถ วิญฺญุนา ปุริเสน เอกํเสน นิฏฺฐํ คนฺตพฺพํ ยทิทํ— ‘อตฺถิ เทวา’”ติ. “กิสฺส ปน เม ภวํ โคตโม อาทิเกเนว น พฺยากาสี”ติ? “อุจฺเจน สมฺมตํ โข เอตํ, ภารทฺวาช, โลกสฺมิํ ยทิทํ— ‘อตฺถิ เทวา’”ติ.
เอวํ วุตฺเต, สงฺคารโว มาณโว ภควนฺตํ เอตทโวจ— “อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม. เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย— ‘จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติ; เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสํฆญฺจ. อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คตนฺ”ติ.
สงฺคารวสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ ทสมํ.
พฺราหฺมณวคฺโค นิฏฺฐิโต ปญฺจโม.
ตสฺสุทฺทานํ
พฺรหฺมายุ เสลสฺสลายโน,
โฆฏมุโข จ พฺราหฺมโณ;
จงฺกี เอสุ ธนญฺชานิ,
วาเสฏฺโฐ สุภคารโวติ.
อิทํ วคฺคานมุทฺทานํ
วคฺโค คหปติ ภิกฺขุ,
ปริพฺพาชกนามโก;
ราชวคฺโค พฺราหฺมโณติ,
ปญฺจ มชฺฌิมอาคเม.
มชฺฌิมปณฺณาสกํ สมตฺตํ.