1.7 คณกโมคฺคลฺลานสุตฺต
เอวํ เม สุตํ— เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ ปุพฺพาราเม มิคารมาตุปาสาเท. อถ โข คณกโมคฺคลฺลาโน พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข คณกโมคฺคลฺลาโน พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ—
“เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, อิมสฺส มิคารมาตุปาสาทสฺส ทิสฺสติ อนุปุพฺพสิกฺขา อนุปุพฺพกิริยา อนุปุพฺพปฏิปทา ยทิทํ— ยาว ปจฺฉิมโสปานกเฬวรา; อิเมสมฺปิ หิ, โภ โคตม, พฺราหฺมณานํ ทิสฺสติ อนุปุพฺพสิกฺขา อนุปุพฺพกิริยา อนุปุพฺพปฏิปทา ยทิทํ— อชฺเฌเน; อิเมสมฺปิ หิ, โภ โคตม, อิสฺสาสานํ ทิสฺสติ อนุปุพฺพสิกฺขา อนุปุพฺพกิริยา อนุปุพฺพปฏิปทา ยทิทํ— อิสฺสตฺเถ. อมฺหากมฺปิ หิ, โภ โคตม, คณกานํ คณนาชีวานํ ทิสฺสติ อนุปุพฺพสิกฺขา อนุปุพฺพกิริยา อนุปุพฺพปฏิปทา ยทิทํ— สงฺขาเน. มยญฺหิ, โภ โคตม, อนฺเตวาสิํ ลภิตฺวา ปฐมํ เอวํ คณาเปม— ‘เอกํ เอกกํ, ทฺเว ทุกา, ตีณิ ติกา, จตฺตาริ จตุกฺกา, ปญฺจ ปญฺจกา, ฉ ฉกฺกา, สตฺต สตฺตกา, อฏฺฐ อฏฺฐกา, นว นวกา, ทส ทสกา’ติ; สตมฺปิ มยํ, โภ โคตม, คณาเปม, ภิโยฺยปิ คณาเปม. สกฺกา นุ โข, โภ โคตม, อิมสฺมิมฺปิ ธมฺมวินเย เอวเมว อนุปุพฺพสิกฺขา อนุปุพฺพกิริยา อนุปุพฺพปฏิปทา ปญฺญเปตุนฺ”ติ?
“สกฺกา, พฺราหฺมณ, อิมสฺมิมฺปิ ธมฺมวินเย อนุปุพฺพสิกฺขา อนุปุพฺพกิริยา อนุปุพฺพปฏิปทา ปญฺญเปตุํ. เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณ, ทกฺโข อสฺสทมฺมโก ภทฺทํ อสฺสาชานียํ ลภิตฺวา ปฐเมเนว มุขาธาเน การณํ กาเรติ, อถ อุตฺตริํ การณํ กาเรติ; เอวเมว โข, พฺราหฺมณ, ตถาคโต ปุริสทมฺมํ ลภิตฺวา ปฐมํ เอวํ วิเนติ— ‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, สีลวา โหหิ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหราหิ อาจารโคจรสมฺปนฺโน อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขสฺสุ สิกฺขาปเทสู’ติ.
ยโต โข, พฺราหฺมณ, ภิกฺขุ สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ, ตเมนํ ตถาคโต อุตฺตริํ วิเนติ— ‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหหิ, จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา มา นิมิตฺตคฺคาหี โหหิ มานุพฺยญฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ จกฺขุนฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชาหิ; รกฺขาหิ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชาหิ. โสเตน สทฺทํ สุตฺวา …เป… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา …เป… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา …เป… กาเยน โผฏฺฐพฺพํ ผุสิตฺวา …เป… มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย มา นิมิตฺตคฺคาหี โหหิ มานุพฺยญฺชนคฺคาหี. ยตฺวาธิกรณเมนํ มนินฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชาหิ; รกฺขาหิ มนินฺทฺริยํ, มนินฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชาหี’ติ.
ยโต โข, พฺราหฺมณ, ภิกฺขุ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ, ตเมนํ ตถาคโต อุตฺตริํ วิเนติ— ‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, โภชเน มตฺตญฺญู โหหิ. ปฏิสงฺขา โยนิโส อาหารํ อาหาเรยฺยาสิ— เนว ทวาย น มทาย น มณฺฑนาย น วิภูสนาย, ยาวเทว อิมสฺส กายสฺส ฐิติยา ยาปนาย วิหิํสูปรติยา พฺรหฺมจริยานุคฺคหาย— อิติ ปุราณญฺจ เวทนํ ปฏิหงฺขามิ, นวญฺจ เวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามิ, ยาตฺรา จ เม ภวิสฺสติ อนวชฺชตา จ ผาสุวิหาโร จา’ติ.
ยโต โข, พฺราหฺมณ, ภิกฺขุ โภชเน มตฺตญฺญู โหติ, ตเมนํ ตถาคโต อุตฺตริํ วิเนติ— ‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, ชาคริยํ อนุยุตฺโต วิหราหิ, ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธหิ, รตฺติยา ปฐมํ ยามํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธหิ, รตฺติยา มชฺฌิมํ ยามํ ทกฺขิเณน ปเสฺสน สีหเสยฺยํ กปฺเปยฺยาสิ ปาเท ปาทํ อจฺจาธาย สโต สมฺปชาโน อุฏฺฐานสญฺญํ มนสิกริตฺวา, รตฺติยา ปจฺฉิมํ ยามํ ปจฺจุฏฺฐาย จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธหี’ติ.
ยโต โข, พฺราหฺมณ, ภิกฺขุ ชาคริยํ อนุยุตฺโต โหติ, ตเมนํ ตถาคโต อุตฺตริํ วิเนติ— ‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, สติสมฺปชญฺเญน สมนฺนาคโต โหหิ, อภิกฺกนฺเต ปฏิกฺกนฺเต สมฺปชานการี, อาโลกิเต วิโลกิเต สมฺปชานการี, สมิญฺชิเต ปสาริเต สมฺปชานการี, สงฺฆาฏิปตฺตจีวรธารเณ สมฺปชานการี, อสิเต ปีเต ขายิเต สายิเต สมฺปชานการี, อุจฺจารปสฺสาวกมฺเม สมฺปชานการี, คเต ฐิเต นิสินฺเน สุตฺเต ชาคริเต ภาสิเต ตุณฺหีภาเว สมฺปชานการี’ติ.
ยโต โข, พฺราหฺมณ, ภิกฺขุ สติสมฺปชญฺเญน สมนฺนาคโต โหติ, ตเมนํ ตถาคโต อุตฺตริํ วิเนติ— ‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชาหิ อรญฺญํ รุกฺขมูลํ ปพฺพตํ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปตฺถํ อพฺโภกาสํ ปลาลปุญฺชนฺ’ติ. โส วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชติ อรญฺญํ รุกฺขมูลํ ปพฺพตํ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปตฺถํ อพฺโภกาสํ ปลาลปุญฺชํ. โส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา, อุชุํ กายํ ปณิธาย, ปริมุขํ สติํ อุปฏฺฐเปตฺวา. โส อภิชฺฌํ โลเก ปหาย วิคตาภิชฺเฌน เจตสา วิหรติ, อภิชฺฌาย จิตฺตํ ปริโสเธติ; พฺยาปาทปโทสํ ปหาย อพฺยาปนฺนจิตฺโต วิหรติ สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี, พฺยาปาทปโทสา จิตฺตํ ปริโสเธติ; ถินมิทฺธํ ปหาย วิคตถินมิทฺโธ วิหรติ อาโลกสญฺญี สโต สมฺปชาโน, ถินมิทฺธา จิตฺตํ ปริโสเธติ; อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหาย อนุทฺธโต วิหรติ อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิตฺโต, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจา จิตฺตํ ปริโสเธติ; วิจิกิจฺฉํ ปหาย ติณฺณวิจิกิจฺโฉ วิหรติ อกถํกถี กุสเลสุ ธมฺเมสุ, วิจิกิจฺฉาย จิตฺตํ ปริโสเธติ.
โส อิเม ปญฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปญฺญาย ทุพฺพลีกรเณ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ …เป… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. ปีติยา จ วิราคา… ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. สุขสฺส จ ปหานา… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ.
เย โข เต, พฺราหฺมณ, ภิกฺขู เสกฺขา อปตฺตมานสา อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ ปตฺถยมานา วิหรนฺติ เตสุ เม อยํ เอวรูปี อนุสาสนี โหติ. เย ปน เต ภิกฺขู อรหนฺโต ขีณาสวา วุสิตวนฺโต กตกรณียา โอหิตภารา อนุปฺปตฺตสทตฺถา ปริกฺขีณภวสํโยชนา สมฺมทญฺญาวิมุตฺตา เตสํ อิเม ธมฺมา ทิฏฺฐธมฺมสุขวิหาราย เจว สํวตฺตนฺติ, สติสมฺปชญฺญาย จา”ติ.
เอวํ วุตฺเต, คณกโมคฺคลฺลาโน พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ— “กิํ นุ โข โภโต โคตมสฺส สาวกา โภตา โคตเมน เอวํ โอวทียมานา เอวํ อนุสาสียมานา สพฺเพ อจฺจนฺตํ นิฏฺฐํ นิพฺพานํ อาราเธนฺติ อุทาหุ เอกจฺเจ นาราเธนฺตี”ติ? “อปฺเปกจฺเจ โข, พฺราหฺมณ, มม สาวกา มยา เอวํ โอวทียมานา เอวํ อนุสาสียมานา อจฺจนฺตํ นิฏฺฐํ นิพฺพานํ อาราเธนฺติ, เอกจฺเจ นาราเธนฺตี”ติ.
“โก นุ โข, โภ โคตม, เหตุ โก ปจฺจโย ยํ ติฏฺฐเตว นิพฺพานํ, ติฏฺฐติ นิพฺพานคามี มคฺโค, ติฏฺฐติ ภวํ โคตโม สมาทเปตา; อถ จ ปน โภโต โคตมสฺส สาวกา โภตา โคตเมน เอวํ โอวทียมานา เอวํ อนุสาสียมานา อปฺเปกจฺเจ อจฺจนฺตํ นิฏฺฐํ นิพฺพานํ อาราเธนฺติ, เอกจฺเจ นาราเธนฺตี”ติ?
“เตน หิ, พฺราหฺมณ, ตํเยเวตฺถ ปฏิปุจฺฉิสฺสามิ. ยถา เต ขเมยฺย ตถา นํ พฺยากเรยฺยาสิ. ตํ กิํ มญฺญสิ, พฺราหฺมณ, กุสโล ตฺวํ ราชคหคามิสฺส มคฺคสฺสา”ติ? “เอวํ, โภ, กุสโล อหํ ราชคหคามิสฺส มคฺคสฺสา”ติ. “ตํ กิํ มญฺญสิ, พฺราหฺมณ, อิธ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ราชคหํ คนฺตุกาโม. โส ตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วเทยฺย— ‘อิจฺฉามหํ, ภนฺเต, ราชคหํ คนฺตุํ; ตสฺส เม ราชคหสฺส มคฺคํ อุปทิสา’ติ. ตเมนํ ตฺวํ เอวํ วเทยฺยาสิ— ‘เอหมฺโภ ปุริส, อยํ มคฺโค ราชคหํ คจฺฉติ. เตน มุหุตฺตํ คจฺฉ, เตน มุหุตฺตํ คนฺตฺวา ทกฺขิสฺสสิ อมุกํ นาม คามํ, เตน มุหุตฺตํ คจฺฉ, เตน มุหุตฺตํ คนฺตฺวา ทกฺขิสฺสสิ อมุกํ นาม นิคมํ; เตน มุหุตฺตํ คจฺฉ, เตน มุหุตฺตํ คนฺตฺวา ทกฺขิสฺสสิ ราชคหสฺส อารามรามเณยฺยกํ วนรามเณยฺยกํ ภูมิรามเณยฺยกํ โปกฺขรณีรามเณยฺยกนฺ’ติ. โส ตยา เอวํ โอวทียมาโน เอวํ อนุสาสียมาโน อุมฺมคฺคํ คเหตฺวา ปจฺฉามุโข คจฺเฉยฺย. อถ ทุติโย ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ราชคหํ คนฺตุกาโม. โส ตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วเทยฺย— ‘อิจฺฉามหํ, ภนฺเต, ราชคหํ คนฺตุํ; ตสฺส เม ราชคหสฺส มคฺคํ อุปทิสา’ติ. ตเมนํ ตฺวํ เอวํ วเทยฺยาสิ— ‘เอหมฺโภ ปุริส, อยํ มคฺโค ราชคหํ คจฺฉติ. เตน มุหุตฺตํ คจฺฉ, เตน มุหุตฺตํ คนฺตฺวา ทกฺขิสฺสสิ อมุกํ นาม คามํ; เตน มุหุตฺตํ คจฺฉ, เตน มุหุตฺตํ คนฺตฺวา ทกฺขิสฺสสิ อมุกํ นาม นิคมํ; เตน มุหุตฺตํ คจฺฉ, เตน มุหุตฺตํ คนฺตฺวา ทกฺขิสฺสสิ ราชคหสฺส อารามรามเณยฺยกํ วนรามเณยฺยกํ ภูมิรามเณยฺยกํ โปกฺขรณีรามเณยฺยกนฺ’ติ. โส ตยา เอวํ โอวทียมาโน เอวํ อนุสาสียมาโน โสตฺถินา ราชคหํ คจฺเฉยฺย. โก นุ โข, พฺราหฺมณ, เหตุ โก ปจฺจโย ยํ ติฏฺฐเตว ราชคหํ, ติฏฺฐติ ราชคหคามี มคฺโค, ติฏฺฐสิ ตฺวํ สมาทเปตา; อถ จ ปน ตยา เอวํ โอวทียมาโน เอวํ อนุสาสียมาโน เอโก ปุริโส อุมฺมคฺคํ คเหตฺวา ปจฺฉามุโข คจฺเฉยฺย, เอโก โสตฺถินา ราชคหํ คจฺเฉยฺยา”ติ? “เอตฺถ กฺยาหํ, โภ โคตม, กโรมิ? มคฺคกฺขายีหํ, โภ โคตมา”ติ.
“เอวเมว โข, พฺราหฺมณ, ติฏฺฐเตว นิพฺพานํ, ติฏฺฐติ นิพฺพานคามี มคฺโค, ติฏฺฐามหํ สมาทเปตา; อถ จ ปน มม สาวกา มยา เอวํ โอวทียมานา เอวํ อนุสาสียมานา อปฺเปกจฺเจ อจฺจนฺตํ นิฏฺฐํ นิพฺพานํ อาราเธนฺติ, เอกจฺเจ นาราเธนฺติ. เอตฺถ กฺยาหํ, พฺราหฺมณ, กโรมิ? มคฺคกฺขายีหํ, พฺราหฺมณ, ตถาคโต”ติ.
เอวํ วุตฺเต, คณกโมคฺคลฺลาโน พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ— “เยเม, โภ โคตม, ปุคฺคลา อสฺสทฺธา ชีวิกตฺถา น สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา สฐา มายาวิโน เกตพิโน อุทฺธตา อุนฺนฬา จปลา มุขรา วิกิณฺณวาจา อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารา โภชเน อมตฺตญฺญุโน ชาคริยํ อนนุยุตฺตา สามญฺเญ อนเปกฺขวนฺโต สิกฺขาย น ติพฺพคารวา พาหุลิกา สาถลิกา โอกฺกมเน ปุพฺพงฺคมา ปวิเวเก นิกฺขิตฺตธุรา กุสีตา หีนวีริยา มุฏฺฐสฺสติโน อสมฺปชานา อสมาหิตา วิพฺภนฺตจิตฺตา ทุปฺปญฺญา เอฬมูคา, น เตหิ ภวํ โคตโม สทฺธิํ สํวสติ.
เย ปน เต กุลปุตฺตา สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา อสฐา อมายาวิโน อเกตพิโน อนุทฺธตา อนุนฺนฬา อจปลา อมุขรา อวิกิณฺณวาจา อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารา โภชเน มตฺตญฺญุโน ชาคริยํ อนุยุตฺตา สามญฺเญ อเปกฺขวนฺโต สิกฺขาย ติพฺพคารวา นพาหุลิกา นสาถลิกา โอกฺกมเน นิกฺขิตฺตธุรา ปวิเวเก ปุพฺพงฺคมา อารทฺธวีริยา ปหิตตฺตา อุปฏฺฐิตสฺสติโน สมฺปชานา สมาหิตา เอกคฺคจิตฺตา ปญฺญวนฺโต อเนฬมูคา, เตหิ ภวํ โคตโม สทฺธิํ สํวสติ.
เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, เย เกจิ มูลคนฺธา, กาลานุสาริ เตสํ อคฺคมกฺขายติ; เย เกจิ สารคนฺธา, โลหิตจนฺทนํ เตสํ อคฺคมกฺขายติ; เย เกจิ ปุปฺผคนฺธา, วสฺสิกํ เตสํ อคฺคมกฺขายติ; เอวเมว โภโต โคตมสฺส โอวาโท ปรมชฺชธมฺเมสุ.
อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม. เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย— ‘จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติ; เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสํฆญฺจ. อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คตนฺ”ติ.
คณกโมคฺคลฺลานสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ สตฺตมํ.