3.5 ทนฺตภูมิสุตฺต
เอวํ เม สุตํ— เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. เตน โข ปน สมเยน อจิรวโต สมณุทฺเทโส อรญฺญกุฏิกายํ วิหรติ. อถ โข ชยเสโน ราชกุมาโร ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน เยน อจิรวโต สมณุทฺเทโส เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อจิรวเตน สมณุทฺเทเสน สทฺธิํ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ชยเสโน ราชกุมาโร อจิรวตํ สมณุทฺเทสํ เอตทโวจ—
“สุตํ เมตํ, โภ อคฺคิเวสฺสน— ‘อิธ ภิกฺขุ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต ผุเสยฺย จิตฺตสฺส เอกคฺคตนฺ’”ติ. “เอวเมตํ, ราชกุมาร, เอวเมตํ, ราชกุมาร. อิธ ภิกฺขุ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต ผุเสยฺย จิตฺตสฺส เอกคฺคตนฺ”ติ. “สาธุ เม ภวํ อคฺคิเวสฺสโน ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ เทเสตู”ติ. “น โข เต อหํ, ราชกุมาร, สกฺโกมิ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ เทเสตุํ. อหญฺจ หิ เต, ราชกุมาร, ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ เทเสยฺยํ, ตฺวญฺจ เม ภาสิตสฺส อตฺถํ น อาชาเนยฺยาสิ; โส มมสฺส กิลมโถ, สา มมสฺส วิเหสา”ติ. “เทเสตุ เม ภวํ อคฺคิเวสฺสโน ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ. อปฺเปวนามาหํ โภโต อคฺคิเวสฺสนสฺส ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชาเนยฺยนฺ”ติ. “เทเสยฺยํ โข เต อหํ, ราชกุมาร, ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ. สเจ เม ตฺวํ ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชาเนยฺยาสิ, อิจฺเจตํ กุสลํ; โน เจ เม ตฺวํ ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชาเนยฺยาสิ, ยถาสเก ติฏฺเฐยฺยาสิ, น มํ ตตฺถ อุตฺตริํ ปฏิปุจฺเฉยฺยาสี”ติ. “เทเสตุ เม ภวํ อคฺคิเวสฺสโน ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ. สเจ อหํ โภโต อคฺคิเวสฺสนสฺส ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานิสฺสามิ, อิจฺเจตํ กุสลํ; โน เจ อหํ โภโต อคฺคิเวสฺสนสฺส ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานิสฺสามิ, ยถาสเก ติฏฺฐิสฺสามิ, นาหํ ตตฺถ ภวนฺตํ อคฺคิเวสฺสนํ อุตฺตริํ ปฏิปุจฺฉิสฺสามี”ติ.
อถ โข อจิรวโต สมณุทฺเทโส ชยเสนสฺส ราชกุมารสฺส ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ เทเสสิ. เอวํ วุตฺเต, ชยเสโน ราชกุมาโร อจิรวตํ สมณุทฺเทสํ เอตทโวจ— “อฏฺฐานเมตํ, โภ อคฺคิเวสฺสน, อนวกาโส ยํ ภิกฺขุ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต ผุเสยฺย จิตฺตสฺส เอกคฺคตนฺ”ติ. อถ โข ชยเสโน ราชกุมาโร อจิรวตสฺส สมณุทฺเทสสฺส อฏฺฐานตญฺจ อนวกาสตญฺจ ปเวเทตฺวา อุฏฺฐายาสนา ปกฺกามิ.
อถ โข อจิรวโต สมณุทฺเทโส อจิรปกฺกนฺเต ชยเสเน ราชกุมาเร เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อจิรวโต สมณุทฺเทโส ยาวตโก อโหสิ ชยเสเนน ราชกุมาเรน สทฺธิํ กถาสลฺลาโป ตํ สพฺพํ ภควโต อาโรเจสิ.
เอวํ วุตฺเต, ภควา อจิรวตํ สมณุทฺเทสํ เอตทโวจ— “‘ตํ กุเตตฺถ, อคฺคิเวสฺสน, ลพฺภา. ยํ ตํ เนกฺขมฺเมน ญาตพฺพํ เนกฺขมฺเมน ทฏฺฐพฺพํ เนกฺขมฺเมน ปตฺตพฺพํ เนกฺขมฺเมน สจฺฉิกาตพฺพํ ตํ วต ชยเสโน ราชกุมาโร กามมชฺเฌ วสนฺโต กาเม ปริภุญฺชนฺโต กามวิตกฺเกหิ ขชฺชมาโน กามปริฬาเหน ปริฑยฺหมาโน กามปริเยสนาย อุสฺสุโก ญสฺสติ วา ทกฺขติ วา สจฺฉิ วา กริสฺสตี’ติ— เนตํ ฐานํ วิชฺชติ.
เสยฺยถาปิสฺสุ, อคฺคิเวสฺสน, ทฺเว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา สุทนฺตา สุวินีตา, ทฺเว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา อทนฺตา อวินีตา. ตํ กิํ มญฺญสิ, อคฺคิเวสฺสน, เย เต ทฺเว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา สุทนฺตา สุวินีตา, อปิ นุ เต ทนฺตาว ทนฺตการณํ คจฺเฉยฺยุํ, ทนฺตาว ทนฺตภูมิํ สมฺปาปุเณยฺยุนฺ”ติ? “เอวํ, ภนฺเต”. “เย ปน เต ทฺเว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา อทนฺตา อวินีตา, อปิ นุ เต อทนฺตาว ทนฺตการณํ คจฺเฉยฺยุํ, อทนฺตาว ทนฺตภูมิํ สมฺปาปุเณยฺยุํ, เสยฺยถาปิ เต ทฺเว หตฺถิทมฺมา วา อสฺสทมฺมา วา โคทมฺมา วา สุทนฺตา สุวินีตา”ติ? “โน เหตํ, ภนฺเต”. “เอวเมว โข, อคฺคิเวสฺสน, ‘ยํ ตํ เนกฺขมฺเมน ญาตพฺพํ เนกฺขมฺเมน ทฏฺฐพฺพํ เนกฺขมฺเมน ปตฺตพฺพํ เนกฺขมฺเมน สจฺฉิกาตพฺพํ ตํ วต ชยเสโน ราชกุมาโร กามมชฺเฌ วสนฺโต กาเม ปริภุญฺชนฺโต กามวิตกฺเกหิ ขชฺชมาโน กามปริฬาเหน ปริฑยฺหมาโน กามปริเยสนาย อุสฺสุโก ญสฺสติ วา ทกฺขติ วา สจฺฉิ วา กริสฺสตี’ติ— เนตํ ฐานํ วิชฺชติ.
เสยฺยถาปิ, อคฺคิเวสฺสน, คามสฺส วา นิคมสฺส วา อวิทูเร มหาปพฺพโต. ตเมนํ ทฺเว สหายกา ตมฺหา คามา วา นิคมา วา นิกฺขมิตฺวา หตฺถวิลงฺฆเกน เยน โส ปพฺพโต เตนุปสงฺกเมยฺยุํ; อุปสงฺกมิตฺวา เอโก สหายโก เหฏฺฐา ปพฺพตปาเท ติฏฺเฐยฺย, เอโก สหายโก อุปริปพฺพตํ อาโรเหยฺย. ตเมนํ เหฏฺฐา ปพฺพตปาเท ฐิโต สหายโก อุปริปพฺพเต ฐิตํ สหายกํ เอวํ วเทยฺย— ‘ยํ, สมฺม, กิํ ตฺวํ ปสฺสสิ อุปริปพฺพเต ฐิโต’ติ? โส เอวํ วเทยฺย— ‘ปสฺสามิ โข อหํ, สมฺม, อุปริปพฺพเต ฐิโต อารามรามเณยฺยกํ วนรามเณยฺยกํ ภูมิรามเณยฺยกํ โปกฺขรณีรามเณยฺยกนฺ’ติ.
โส เอวํ วเทยฺย— ‘อฏฺฐานํ โข เอตํ, สมฺม, อนวกาโส ยํ ตฺวํ อุปริปพฺพเต ฐิโต ปเสฺสยฺยาสิ อารามรามเณยฺยกํ วนรามเณยฺยกํ ภูมิรามเณยฺยกํ โปกฺขรณีรามเณยฺยกนฺ’ติ. ตเมนํ อุปริปพฺพเต ฐิโต สหายโก เหฏฺฐิมปพฺพตปาทํ โอโรหิตฺวา ตํ สหายกํ พาหายํ คเหตฺวา อุปริปพฺพตํ อาโรเปตฺวา มุหุตฺตํ อสฺสาเสตฺวา เอวํ วเทยฺย— ‘ยํ, สมฺม, กิํ ตฺวํ ปสฺสสิ อุปริปพฺพเต ฐิโต’ติ? โส เอวํ วเทยฺย— ‘ปสฺสามิ โข อหํ, สมฺม, อุปริปพฺพเต ฐิโต อารามรามเณยฺยกํ วนรามเณยฺยกํ ภูมิรามเณยฺยกํ โปกฺขรณีรามเณยฺยกนฺ’ติ.
โส เอวํ วเทยฺย— ‘อิทาเนว โข เต, สมฺม, ภาสิตํ— มยํ เอวํ อาชานาม— อฏฺฐานํ โข เอตํ สมฺม, อนวกาโส ยํ ตฺวํ อุปริปพฺพเต ฐิโต ปเสฺสยฺยาสิ อารามรามเณยฺยกํ วนรามเณยฺยกํ ภูมิรามเณยฺยกํ โปกฺขรณีรามเณยฺยกนฺ’ติ. อิทาเนว จ ปน เต ภาสิตํ มยํ เอวํ อาชานาม— ‘ปสฺสามิ โข อหํ, สมฺม, อุปริปพฺพเต ฐิโต อารามรามเณยฺยกํ วนรามเณยฺยกํ ภูมิรามเณยฺยกํ โปกฺขรณีรามเณยฺยกนฺ’ติ. โส เอวํ วเทยฺย— ‘ตถา หิ ปนาหํ, สมฺม, อิมินา มหตา ปพฺพเตน อาวุโต ทฏฺเฐยฺยํ นาทฺทสนฺ’ติ.
อโต มหนฺตตเรน, อคฺคิเวสฺสน, ‘อวิชฺชาขนฺเธน ชยเสโน ราชกุมาโร อาวุโต นิวุโต โอผุโฏ ปริโยนทฺโธ. โส วต ยํ ตํ เนกฺขมฺเมน ญาตพฺพํ เนกฺขมฺเมน ทฏฺฐพฺพํ เนกฺขมฺเมน ปตฺตพฺพํ เนกฺขมฺเมน สจฺฉิกาตพฺพํ ตํ วต ชยเสโน ราชกุมาโร กามมชฺเฌ วสนฺโต กาเม ปริภุญฺชนฺโต กามวิตกฺเกหิ ขชฺชมาโน กามปริฬาเหน ปริฑยฺหมาโน กามปริเยสนาย อุสฺสุโก ญสฺสติ วา ทกฺขติ วา สจฺฉิ วา กริสฺสตี’ติ— เนตํ ฐานํ วิชฺชติ. สเจ โข ตํ, อคฺคิเวสฺสน, ชยเสนสฺส ราชกุมารสฺส อิมา ทฺเว อุปมา ปฏิภาเยยฺยุํ, อนจฺฉริยํ เต ชยเสโน ราชกุมาโร ปสีเทยฺย, ปสนฺโน จ เต ปสนฺนาการํ กเรยฺยา”ติ. “กุโต ปน มํ, ภนฺเต, ชยเสนสฺส ราชกุมารสฺส อิมา ทฺเว อุปมา ปฏิภายิสฺสนฺติ อนจฺฉริยา ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา, เสยฺยถาปิ ภควนฺตนฺ”ติ?
“เสยฺยถาปิ, อคฺคิเวสฺสน, ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต นาควนิกํ อามนฺเตติ— ‘เอหิ ตฺวํ, สมฺม นาควนิก, รญฺโญ นาคํ อภิรุหิตฺวา นาควนํ ปวิสิตฺวา อารญฺญกํ นาคํ อติปสฺสิตฺวา รญฺโญ นาคสฺส คีวายํ อุปนิพนฺธาหี’ติ. ‘เอวํ, เทวา’ติ โข, อคฺคิเวสฺสน, นาควนิโก รญฺโญ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส ปฏิสฺสุตฺวา รญฺโญ นาคํ อภิรุหิตฺวา นาควนํ ปวิสิตฺวา อารญฺญกํ นาคํ อติปสฺสิตฺวา รญฺโญ นาคสฺส คีวายํ อุปนิพนฺธติ. ตเมนํ รญฺโญ นาโค อพฺโภกาสํ นีหรติ. เอตฺตาวตา โข, อคฺคิเวสฺสน, อารญฺญโก นาโค อพฺโภกาสํ คโต โหติ. เอตฺถเคธา หิ, อคฺคิเวสฺสน, อารญฺญกา นาคา ยทิทํ— นาควนํ. ตเมนํ นาควนิโก รญฺโญ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส อาโรเจสิ— ‘อพฺโภกาสคโต โข, เทว, อารญฺญโก นาโค’ติ. อถ โข อคฺคิเวสฺสน, ตเมนํ ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต หตฺถิทมกํ อามนฺเตสิ— ‘เอหิ ตฺวํ, สมฺม หตฺถิทมก, อารญฺญกํ นาคํ ทมยาหิ อารญฺญกานญฺเจว สีลานํ อภินิมฺมทนาย อารญฺญกานญฺเจว สรสงฺกปฺปานํ อภินิมฺมทนาย อารญฺญกานญฺเจว ทรถกิลมถปริฬาหานํ อภินิมฺมทนาย คามนฺเต อภิรมาปนาย มนุสฺสกนฺเตสุ สีเลสุ สมาทปนายา’ติ.
‘เอวํ, เทวา’ติ โข, อคฺคิเวสฺสน, หตฺถิทมโก รญฺโญ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส ปฏิสฺสุตฺวา มหนฺตํ ถมฺภํ ปถวิยํ นิขณิตฺวา อารญฺญกสฺส นาคสฺส คีวายํ อุปนิพนฺธติ อารญฺญกานญฺเจว สีลานํ อภินิมฺมทนาย อารญฺญกานญฺเจว สรสงฺกปฺปานํ อภินิมฺมทนาย อารญฺญกานญฺเจว ทรถกิลมถปริฬาหานํ อภินิมฺมทนาย คามนฺเต อภิรมาปนาย มนุสฺสกนฺเตสุ สีเลสุ สมาทปนาย. ตเมนํ หตฺถิทมโก ยา สา วาจา เนลา กณฺณสุขา เปมนียา หทยงฺคมา โปรี พหุชนกนฺตา พหุชนมนาปา ตถารูปาหิ วาจาหิ สมุทาจรติ. ยโต โข, อคฺคิเวสฺสน, อารญฺญโก นาโค หตฺถิทมกสฺส ยา สา วาจา เนลา กณฺณสุขา เปมนียา หทยงฺคมา โปรี พหุชนกนฺตา พหุชนมนาปา ตถารูปาหิ วาจาหิ สมุทาจริยมาโน สุสฺสูสติ, โสตํ โอทหติ, อญฺญา จิตฺตํ อุปฏฺฐาเปติ; ตเมนํ หตฺถิทมโก อุตฺตริ ติณฆาโสทกํ อนุปฺปเวจฺฉติ.
ยโต โข, อคฺคิเวสฺสน, อารญฺญโก นาโค หตฺถิทมกสฺส ติณฆาโสทกํ ปฏิคฺคณฺหาติ, ตตฺร หตฺถิทมกสฺส เอวํ โหติ— ‘ชีวิสฺสติ โข ทานิ อารญฺญโก นาโค’ติ. ตเมนํ หตฺถิทมโก อุตฺตริ การณํ กาเรติ— ‘อาทิย, โภ, นิกฺขิป, โภ’ติ. ยโต โข, อคฺคิเวสฺสน, อารญฺญโก นาโค หตฺถิทมกสฺส อาทานนิกฺเขเป วจนกโร โหติ โอวาทปฺปฏิกโร, ตเมนํ หตฺถิทมโก อุตฺตริ การณํ กาเรติ— ‘อภิกฺกม, โภ, ปฏิกฺกม, โภ’ติ. ยโต โข, อคฺคิเวสฺสน, อารญฺญโก นาโค หตฺถิทมกสฺส อภิกฺกมปฏิกฺกมวจนกโร โหติ โอวาทปฺปฏิกโร, ตเมนํ หตฺถิทมโก อุตฺตริ การณํ กาเรติ— ‘อุฏฺฐห, โภ, นิสีท, โภ’ติ. ยโต โข, อคฺคิเวสฺสน, อารญฺญโก นาโค หตฺถิทมกสฺส อุฏฺฐานนิสชฺชาย วจนกโร โหติ โอวาทปฺปฏิกโร, ตเมนํ หตฺถิทมโก อุตฺตริ อาเนญฺชํ นาม การณํ กาเรติ, มหนฺตสฺส ผลกํ โสณฺฑาย อุปนิพนฺธติ, โตมรหตฺโถ จ ปุริโส อุปริคีวาย นิสินฺโน โหติ, สมนฺตโต จ โตมรหตฺถา ปุริสา ปริวาเรตฺวา ฐิตา โหนฺติ, หตฺถิทมโก จ ทีฆโตมรยฏฺฐิํ คเหตฺวา ปุรโต ฐิโต โหติ. โส อาเนญฺชํ การณํ การิยมาโน เนว ปุริเม ปาเท โจเปติ น ปจฺฉิเม ปาเท โจเปติ, น ปุริมกายํ โจเปติ น ปจฺฉิมกายํ โจเปติ, น สีสํ โจเปติ, น กณฺเณ โจเปติ, น ทนฺเต โจเปติ, น นงฺคุฏฺฐํ โจเปติ, น โสณฺฑํ โจเปติ. โส โหติ อารญฺญโก นาโค ขโม สตฺติปฺปหารานํ อสิปฺปหารานํ อุสุปฺปหารานํ สรปตฺตปฺปหารานํ เภริปณววํสสงฺขฑิณฺฑิมนินฺนาทสทฺทานํ สพฺพวงฺกโทสนิหิตนินฺนีตกสาโว ราชารโห ราชโภคฺโค รญฺโญ องฺคนฺเตว สงฺขํ คจฺฉติ.
เอวเมว โข, อคฺคิเวสฺสน, อิธ ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา. โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณิํ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ. โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ. ตํ ธมฺมํ สุณาติ คหปติ วา คหปติปุตฺโต วา อญฺญตรสฺมิํ วา กุเล ปจฺจาชาโต. โส ตํ ธมฺมํ สุตฺวา ตถาคเต สทฺธํ ปฏิลภติ. โส เตน สทฺธาปฏิลาเภน สมนฺนาคโต อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ— ‘สมฺพาโธ ฆราวาโส รชาปโถ, อพฺโภกาโส ปพฺพชฺชา. นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สงฺขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํ. ยนฺนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺยนฺ’ติ.
โส อปเรน สมเยน อปฺปํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย มหนฺตํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย อปฺปํ วา ญาติปริวฏฺฏํ ปหาย มหนฺตํ วา ญาติปริวฏฺฏํ ปหาย เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชติ. เอตฺตาวตา โข, อคฺคิเวสฺสน, อริยสาวโก อพฺโภกาสคโต โหติ. เอตฺถเคธา หิ, อคฺคิเวสฺสน, เทวมนุสฺสา ยทิทํ— ปญฺจ กามคุณา. ตเมนํ ตถาคโต อุตฺตริํ วิเนติ— ‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, สีลวา โหหิ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหราหิ อาจารโคจรสมฺปนฺโน, อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขสฺสุ สิกฺขาปเทสู’ติ.
ยโต โข, อคฺคิเวสฺสน, อริยสาวโก สีลวา โหติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ, ตเมนํ ตถาคโต อุตฺตริํ วิเนติ— ‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหหิ, จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา มา นิมิตฺตคฺคาหี …เป… (ยถา คณกโมคฺคลฺลานสุตฺตนฺเต, เอวํ วิตฺถาเรตพฺพานิ.)
โส อิเม ปญฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปญฺญาย ทุพฺพลีกรเณ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ. เวทนาสุ …เป… จิตฺเต… ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ. เสยฺยถาปิ, อคฺคิเวสฺสน, หตฺถิทมโก มหนฺตํ ถมฺภํ ปถวิยํ นิขณิตฺวา อารญฺญกสฺส นาคสฺส คีวายํ อุปนิพนฺธติ อารญฺญกานญฺเจว สีลานํ อภินิมฺมทนาย อารญฺญกานญฺเจว สรสงฺกปฺปานํ อภินิมฺมทนาย อารญฺญกานญฺเจว ทรถกิลมถปริฬาหานํ อภินิมฺมทนาย คามนฺเต อภิรมาปนาย มนุสฺสกนฺเตสุ สีเลสุ สมาทปนาย; เอวเมว โข, อคฺคิเวสฺสน, อริยสาวกสฺส อิเม จตฺตาโร สติปฏฺฐานา เจตโส อุปนิพนฺธนา โหนฺติ เคหสิตานญฺเจว สีลานํ อภินิมฺมทนาย เคหสิตานญฺเจว สรสงฺกปฺปานํ อภินิมฺมทนาย เคหสิตานญฺเจว ทรถกิลมถปริฬาหานํ อภินิมฺมทนาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย.
ตเมนํ ตถาคโต อุตฺตริํ วิเนติ— ‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, กาเย กายานุปสฺสี วิหราหิ, มา จ กามูปสํหิตํ วิตกฺกํ วิตกฺเกสิ. เวทนาสุ… จิตฺเต… ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหราหิ, มา จ กามูปสํหิตํ วิตกฺกํ วิตกฺเกสี’ติ.
โส วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ… ตติยํ ฌานํ… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ฐิเต อาเนญฺชปฺปตฺเต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติญาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ— เอกมฺปิ ชาติํ ทฺเวปิ ชาติโย …เป… อิติ สาการํ เสาทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ.
โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ฐิเต อาเนญฺชปฺปตฺเต สตฺตานํ จุตูปปาตญาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ, สุคเต ทุคฺคเต …เป… ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ.
โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ฐิเต อาเนญฺชปฺปตฺเต อาสวานํ ขยญาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ. โส ‘อิทํ ทุกฺขนฺ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ; ‘อิเม อาสวา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ อาสวนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ตสฺส เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ. วิมุตฺตสฺมิํ วิมุตฺตมิติ ญาณํ โหติ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาติ.
โส โหติ ภิกฺขุ ขโม สีตสฺส อุณฺหสฺส ชิฆจฺฉาย ปิปาสาย ฑํสมกสวาตาตปสรีสปสมฺผสฺสานํ ทุรุตฺตานํ ทุราคตานํ วจนปถานํ, อุปฺปนฺนานํ สารีริกานํ เวทนานํ ทุกฺขานํ ติพฺพานํ ขรานํ กฏุกานํ อสาตานํ อมนาปานํ ปาณหรานํ อธิวาสกชาติโก โหติ สพฺพราคโทสโมหนิหิตนินฺนีตกสาโว อาหุเนโยฺย ปาหุเนโยฺย ทกฺขิเณโยฺย อญฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปุญฺญกฺเขตฺตํ โลกสฺส.
มหลฺลโก เจปิ, อคฺคิเวสฺสน, รญฺโญ นาโค อทนฺโต อวินีโต กาลํ กโรติ, ‘อทนฺตมรณํ มหลฺลโก รญฺโญ นาโค กาลงฺกโต’เตฺวว สงฺขํ คจฺฉติ; มชฺฌิโม เจปิ, อคฺคิเวสฺสน, รญฺโญ นาโค. ทหโร เจปิ, อคฺคิเวสฺสน, รญฺโญ นาโค อทนฺโต อวินีโต กาลํ กโรติ, ‘อทนฺตมรณํ ทหโร รญฺโญ นาโค กาลงฺกโต’เตฺวว สงฺขํ คจฺฉติ; เอวเมว โข, อคฺคิเวสฺสน, เถโร เจปิ ภิกฺขุ อขีณาสโว กาลํ กโรติ, ‘อทนฺตมรณํ เถโร ภิกฺขุ กาลงฺกโต’เตฺวว สงฺขํ คจฺฉติ; มชฺฌิโม เจปิ, อคฺคิเวสฺสน, ภิกฺขุ. นโว เจปิ, อคฺคิเวสฺสน, ภิกฺขุ อขีณาสโว กาลํ กโรติ, ‘อทนฺตมรณํ นโว ภิกฺขุ กาลงฺกโต’เตฺวว สงฺขํ คจฺฉติ.
มหลฺลโก เจปิ, อคฺคิเวสฺสน, รญฺโญ นาโค สุทนฺโต สุวินีโต กาลํ กโรติ, ‘ทนฺตมรณํ มหลฺลโก รญฺโญ นาโค กาลงฺกโต’เตฺวว สงฺขํ คจฺฉติ; มชฺฌิโม เจปิ, อคฺคิเวสฺสน, รญฺโญ นาโค… ทหโร เจปิ, อคฺคิเวสฺสน, รญฺโญ นาโค สุทนฺโต สุวินีโต กาลํ กโรติ, ‘ทนฺตมรณํ ทหโร รญฺโญ นาโค กาลงฺกโต’เตฺวว สงฺขํ คจฺฉติ; เอวเมว โข, อคฺคิเวสฺสน, เถโร เจปิ ภิกฺขุ ขีณาสโว กาลํ กโรติ, ‘ทนฺตมรณํ เถโร ภิกฺขุ กาลงฺกโต’เตฺวว สงฺขํ คจฺฉติ; มชฺฌิโม เจปิ, อคฺคิเวสฺสน, ภิกฺขุ. นโว เจปิ, อคฺคิเวสฺสน, ภิกฺขุ ขีณาสโว กาลํ กโรติ, ‘ทนฺตมรณํ นโว ภิกฺขุ กาลงฺกโต’เตฺวว สงฺขํ คจฺฉตี”ติ.
อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน อจิรวโต สมณุทฺเทโส ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.
ทนฺตภูมิสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ ปญฺจมํ.