7.2.12 โขมทุสฺสสุตฺต
เอวํ เม สุตํ— เอกํ สมยํ ภควา สกฺเกสุ วิหรติ โขมทุสฺสํ นามํ สกฺยานํ นิคโม. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย โขมทุสฺสํ นิคมํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. เตน โข ปน สมเยน โขมทุสฺสกา พฺราหฺมณคหปติกา สภายํ สนฺนิปติตา โหนฺติ เกนจิเทว กรณีเยน, เทโว จ เอกเมกํ ผุสายติ. อถ โข ภควา เยน สา สภา เตนุปสงฺกมิ. อทฺทสํสุ โขมทุสฺสกา พฺราหฺมณคหปติกา ภควนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ. ทิสฺวาน เอตทโวจุํ— “เก จ มุณฺฑกา สมณกา, เก จ สภาธมฺมํ ชานิสฺสนฺตี”ติ? อถ โข ภควา โขมทุสฺสเก พฺราหฺมณคหปติเก คาถาย อชฺฌภาสิ—
“เนสา สภา ยตฺถ น สนฺติ สนฺโต,
สนฺโต น เต เย น วทนฺติ ธมฺมํ;
ราคญฺจ โทสญฺจ ปหาย โมหํ,
ธมฺมํ วทนฺตา จ ภวนฺติ สนฺโต”ติ.
เอวํ วุตฺเต, โขมทุสฺสกา พฺราหฺมณคหปติกา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ— “อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม. เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย— ‘จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติ; เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอเต มยํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉาม ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสํฆญฺจ. อุปาสเก โน ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปเต สรณํ คเต”ติ.
อุปาสกวคฺโค ทุติโย.
ตสฺสุทฺทานํ
กสิ อุทโย เทวหิโต,
อญฺญตรมหาสาลํ;
มานตฺถทฺธํ ปจฺจนีกํ,
นวกมฺมิ กฏฺฐหารํ;
มาตุโปสกํ ภิกฺขโก,
สงฺคารโว จ โขมทุเสฺสน ทฺวาทสาติ.
พฺราหฺมณสํยุตฺตํ สมตฺตํ.