Skip to content

11.3.2 ทุติยมหานามสุตฺต

1018.
1907

เอวํ เม สุตํ—  เอกํ สมยํ ภควา สกฺเกสุ วิหรติ กปิลวตฺถุสฺมิํ นิโคฺรธาราเม. อถ โข มหานาโม สกฺโก เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข มหานาโม สกฺโก ภควนฺตํ เอตทโวจ—  “อิทํ, ภนฺเต, กปิลวตฺถุ อิทฺธญฺเจว ผีตญฺจ พาหุชญฺญํ อากิณฺณมนุสฺสํ สมฺพาธพฺยูหํ. โส ขฺวาหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ วา ปยิรุปาสิตฺวา มโนภาวนีเย วา ภิกฺขู สายนฺหสมยํ กปิลวตฺถุํ ปวิสนฺโต; ภนฺเตนปิ หตฺถินา สมาคจฺฉามิ; ภนฺเตนปิ อเสฺสน สมาคจฺฉามิ; ภนฺเตนปิ รเถน สมาคจฺฉามิ; ภนฺเตนปิ สกเฏน สมาคจฺฉามิ; ภนฺเตนปิ ปุริเสน สมาคจฺฉามิ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, ตสฺมิํ สมเย มุสฺสเตว ภควนฺตํ อารพฺภ สติ, มุสฺสติ ธมฺมํ อารพฺภ สติ, มุสฺสติ สํฆํ อารพฺภ สติ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอวํ โหติ—  ‘อิมมฺหิ จาหํ สมเย กาลํ กเรยฺยํ, กา มยฺหํ คติ, โก อภิสมฺปราโย’”ติ?

1908

“มา ภายิ, มหานาม, มา ภายิ, มหานาม. อปาปกํ เต มรณํ ภวิสฺสติ อปาปิกา กาลํกิริยา. จตูหิ โข, มหานาม, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อริยสาวโก นิพฺพานนินฺโน โหติ นิพฺพานโปโณ นิพฺพานปพฺภาโร. กตเมหิ จตูหิ? อิธ, มหานาม, อริยสาวโก พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ—  อิติปิ โส ภควา …เป…  สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควาติ. ธมฺเม …เป…  สํเฆ …เป…  อริยกนฺเตหิ สีเลหิ สมนฺนาคโต โหติ อขณฺเฑหิ …เป…  สมาธิสํวตฺตนิเกหิ.

1909

เสยฺยถาปิ, มหานาม, รุกฺโข ปาจีนนินฺโน ปาจีนโปโณ ปาจีนปพฺภาโร, โส มูลจฺฉินฺโน กตเมน ปปเตยฺยา”ติ? “เยน, ภนฺเต, นินฺโน เยน โปโณ เยน ปพฺภาโร”ติ. “เอวเมว โข, มหานาม, อิเมหิ จตูหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อริยสาวโก นิพฺพานนินฺโน โหติ นิพฺพานโปโณ นิพฺพานปพฺภาโร”ติ.

1910

ทุติยํ.