1.13 พิมฺพิสารสมาคมกถา
อถ โข ภควา คยาสีเส ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน ราชคหํ เตน จาริกํ ปกฺกามิ, มหตา ภิกฺขุสํเฆน สทฺธิํ ภิกฺขุสหเสฺสน สพฺเพเหว ปุราณชฏิเลหิ. อถ โข ภควา อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน ราชคหํ ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา ราชคเห วิหรติ ลฏฺฐิวเน สุปฺปติฏฺเฐ เจติเย. อสฺโสสิ โข ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร— “สมโณ ขลุ โภ โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต ราชคหํ อนุปฺปตฺโต ราชคเห วิหรติ ลฏฺฐิวเน สุปฺปติฏฺเฐ เจติเย. ตํ โข ปน ภควนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต— อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา. โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณิํ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติ. โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ. สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี”ติ.
อถ โข ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร ทฺวาทสนหุเตหิ มาคธิเกหิ พฺราหฺมณคหปติเกหิ ปริวุโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เตปิ โข ทฺวาทสนหุตา มาคธิกา พฺราหฺมณคหปติกา อปฺเปกจฺเจ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ, อปฺเปกจฺเจ ภควตา สทฺธิํ สมฺโมทิํสุ, สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ, อปฺเปกจฺเจ เยน ภควา เตนญฺชลิํ ปณาเมตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ, อปฺเปกจฺเจ ภควโต สนฺติเก นามโคตฺตํ สาเวตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ, อปฺเปกจฺเจ ตุณฺหีภูตา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ. อถ โข เตสํ ทฺวาทสนหุตานํ มาคธิกานํ พฺราหฺมณคหปติกานํ เอตทโหสิ— “กิํ นุ โข มหาสมโณ อุรุเวลกสฺสเป พฺรหฺมจริยํ จรติ, อุทาหุ อุรุเวลกสฺสโป มหาสมเณ พฺรหฺมจริยํ จรตี”ติ? อถ โข ภควา เตสํ ทฺวาทสนหุตานํ มาคธิกานํ พฺราหฺมณคหปติกานํ เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย อายสฺมนฺตํ อุรุเวลกสฺสปํ คาถาย อชฺฌภาสิ—
“กิเมว ทิสฺวา อุรุเวลวาสิ,
ปหาสิ อคฺคิํ กิสโกวทาโน;
ปุจฺฉามิ ตํ กสฺสป เอตมตฺถํ,
กถํ ปหีนํ ตว อคฺคิหุตฺตนฺ”ติ.
“รูเป จ สทฺเท จ อโถ รเส จ,
กามิตฺถิโย จาภิวทนฺติ ยญฺญา;
เอตํ มลนฺติ อุปธีสุ ญตฺวา,
ตสฺมา น ยิฏฺเฐ น หุเต อรญฺชินฺ”ติ.
“เอตฺเถว เต มโน น รมิตฺถ, (กสฺสปาติ ภควา)
รูเปสุ สทฺเทสุ อโถ รเสสุ;
อถ โก จรหิ เทวมนุสฺสโลเก,
รโต มโน กสฺสป พฺรูหิ เมตนฺ”ติ.
“ทิสฺวา ปทํ สนฺตมนูปธีกํ,
อกิญฺจนํ กามภเว อสตฺตํ;
อนญฺญถาภาวิมนญฺญเนยฺยํ,
ตสฺมา น ยิฏฺเฐ น หุเต อรญฺชินฺ”ติ.
อถ โข อายสฺมา อุรุเวลกสฺสโป อุฏฺฐายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ— “สตฺถา เม, ภนฺเต, ภควา, สาวโกหมสฺมิ; สตฺถา เม, ภนฺเต, ภควา, สาวโกหมสฺมี”ติ. อถ โข เตสํ ทฺวาทสนหุตานํ มาคธิกานํ พฺราหฺมณคหปติกานํ เอตทโหสิ— “อุรุเวลกสฺสโป มหาสมเณ พฺรหฺมจริยํ จรตี”ติ. อถ โข ภควา เตสํ ทฺวาทสนหุตานํ มาคธิกานํ พฺราหฺมณคหปติกานํ เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย อนุปุพฺพิํ กถํ กเถสิ, เสยฺยถิทํ— ทานกถํ สีลกถํ สคฺคกถํ กามานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ เนกฺขมฺเม อานิสํสํ ปกาเสสิ. ยทา เต ภควา อญฺญาสิ กลฺลจิตฺเต มุทุจิตฺเต วินีวรณจิตฺเต อุทคฺคจิตฺเต ปสนฺนจิตฺเต, อถ ยา พุทฺธานํ สามุกฺกํสิกา ธมฺมเทสนา, ตํ ปกาเสสิ— ทุกฺขํ, สมุทยํ, นิโรธํ, มคฺคํ. เสยฺยถาปิ นาม สุทฺธํ วตฺถํ อปคตกาฬกํ สมฺมเทว รชนํ ปฏิคฺคเณฺหยฺย; เอวเมว เอกาทสนหุตานํ มาคธิกานํ พฺราหฺมณคหปติกานํ พิมฺพิสารปฺปมุขานํ ตสฺมิํเยว อาสเน วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทิ— “ยํ กิญฺจิ สมุทยธมฺมํ สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺมนฺ”ติ. เอกนหุตํ อุปาสกตฺตํ ปฏิเวเทสิ.
อถ โข ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร ทิฏฺฐธมฺโม ปตฺตธมฺโม วิทิตธมฺโม ปริโยคาฬฺหธมฺโม ติณฺณวิจิกิจฺโฉ วิคตกถํกโถ เวสารชฺชปฺปตฺโต อปรปฺปจฺจโย สตฺถุสาสเน ภควนฺตํ เอตทโวจ— “ปุพฺเพ เม, ภนฺเต, กุมารสฺส สโต ปญฺจ อสฺสาสกา อเหสุํ, เต เม เอตรหิ สมิทฺธา. ปุพฺเพ เม, ภนฺเต, กุมารสฺส สโต เอตทโหสิ— ‘อโห วต มํ รชฺเช อภิสิญฺเจยฺยุนฺ’ติ, อยํ โข เม, ภนฺเต, ปฐโม อสฺสาสโก อโหสิ, โส เม เอตรหิ สมิทฺโธ. ‘ตสฺส จ เม วิชิตํ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ โอกฺกเมยฺยา’ติ, อยํ โข เม, ภนฺเต, ทุติโย อสฺสาสโก อโหสิ, โส เม เอตรหิ สมิทฺโธ. ‘ตญฺจาหํ ภควนฺตํ ปยิรุปาเสยฺยนฺ’ติ, อยํ โข เม, ภนฺเต, ตติโย อสฺสาสโก อโหสิ, โส เม เอตรหิ สมิทฺโธ. ‘โส จ เม ภควา ธมฺมํ เทเสยฺยา’ติ, อยํ โข เม, ภนฺเต, จตุตฺโถ อสฺสาสโก อโหสิ, โส เม เอตรหิ สมิทฺโธ. ‘ตสฺส จาหํ ภควโต ธมฺมํ อาชาเนยฺยนฺ’ติ, อยํ โข เม, ภนฺเต, ปญฺจโม อสฺสาสโก อโหสิ, โส เม เอตรหิ สมิทฺโธ. ปุพฺเพ เม, ภนฺเต, กุมารสฺส สโต อิเม ปญฺจ อสฺสาสกา อเหสุํ, เต เม เอตรหิ สมิทฺธา. อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต. เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย— ‘จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติ; เอวเมวํ ภควตา อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ, ธมฺมญฺจ, ภิกฺขุสํฆญฺจ. อุปาสกํ มํ, ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คตํ, อธิวาเสตุ จ เม, ภนฺเต, ภควา, สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธิํ ภิกฺขุสํเฆนา”ติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน. อถ โข ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา อุฏฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. อถ โข ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฏิยาทาเปตฺวา ภควโต กาลํ อาโรจาเปสิ— “กาโล, ภนฺเต, นิฏฺฐิตํ ภตฺตนฺ”ติ.
อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปาวิสิ มหตา ภิกฺขุสํเฆน สทฺธิํ ภิกฺขุสหเสฺสน สพฺเพเหว ปุราณชฏิเลหิ. เตน โข ปน สมเยน สกฺโก เทวานมินฺโท มาณวกวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสํฆสฺส ปุรโต ปุรโต คจฺฉติ อิมา คาถาโย คายมาโน—
“ทนฺโต ทนฺเตหิ สห ปุราณชฏิเลหิ,
วิปฺปมุตฺโต วิปฺปมุตฺเตหิ;
สิงฺคีนิกฺขสวณฺโณ,
ราชคหํ ปาวิสิ ภควา.
มุตฺโต มุตฺเตหิ สห ปุราณชฏิเลหิ,
วิปฺปมุตฺโต วิปฺปมุตฺเตหิ;
สิงฺคีนิกฺขสวณฺโณ,
ราชคหํ ปาวิสิ ภควา.
ติณฺโณ ติณฺเณหิ สห ปุราณชฏิเลหิ,
วิปฺปมุตฺโต วิปฺปมุตฺเตหิ;
สิงฺคีนิกฺขสวณฺโณ,
ราชคหํ ปาวิสิ ภควา.
สนฺโต สนฺเตหิ สห ปุราณชฏิเลหิ,
วิปฺปมุตฺโต วิปฺปมุตฺเตหิ;
สิงฺคีนิกฺขสวณฺโณ,
ราชคหํ ปาวิสิ ภควา.
ทสวาโส ทสพโล,
ทสธมฺมวิทู ทสภิ จุเปโต;
โส ทสสตปริวาโร,
ราชคหํ ปาวิสิ ภควา”ติ.
มนุสฺสา สกฺกํ เทวานมินฺทํ ปสฺสิตฺวา เอวมาหํสุ— “อภิรูโป วตายํ มาณวโก, ทสฺสนีโย วตายํ มาณวโก, ปาสาทิโก วตายํ มาณวโก. กสฺส นุ โข อยํ มาณวโก”ติ? เอวํ วุตฺเต, สกฺโก เทวานมินฺโท เต มนุเสฺส คาถาย อชฺฌภาสิ—
“โย ธีโร สพฺพธิ ทนฺโต,
สุทฺโธ อปฺปฏิปุคฺคโล;
อรหํ สุคโต โลเก,
ตสฺสาหํ ปริจารโก”ติ.
อถ โข ภควา เยน รญฺโญ มาคธสฺส เสนิยสฺส พิมฺพิสารสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญตฺเต อาสเน นิสีทิ สทฺธิํ ภิกฺขุสํเฆน. อถ โข ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสํฆํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปตฺวา สมฺปวาเรตฺวา ภควนฺตํ ภุตฺตาวิํ โอนีตปตฺตปาณิํ เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนสฺส โข รญฺโญ มาคธสฺส เสนิยสฺส พิมฺพิสารสฺส เอตทโหสิ— “กตฺถ นุ โข ภควา วิหเรยฺย? ยํ อสฺส คามโต เนว อติทูเร น อจฺจาสนฺเน, คมนาคมนสมฺปนฺนํ, อตฺถิกานํ อตฺถิกานํ มนุสฺสานํ อภิกฺกมนียํ, ทิวา อปฺปากิณฺณํ, รตฺติํ อปฺปสทฺทํ อปฺปนิคฺโฆสํ วิชนวาตํ, มนุสฺสราหเสฺสยฺยกํ, ปฏิสลฺลานสารุปฺปนฺ”ติ. อถ โข รญฺโญ มาคธสฺส เสนิยสฺส พิมฺพิสารสฺส เอตทโหสิ— “อิทํ โข อมฺหากํ เวฬุวนํ อุยฺยานํ คามโต เนว อติทูเร น อจฺจาสนฺเน คมนาคมนสมฺปนฺนํ อตฺถิกานํ อตฺถิกานํ มนุสฺสานํ อภิกฺกมนียํ ทิวา อปฺปากิณฺณํ รตฺติํ อปฺปสทฺทํ อปฺปนิคฺโฆสํ วิชนวาตํ มนุสฺสราหเสฺสยฺยกํ ปฏิสลฺลานสารุปฺปํ. ยนฺนูนาหํ เวฬุวนํ อุยฺยานํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสํฆสฺส ทเทยฺยนฺ”ติ. อถ โข ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร โสวณฺณมยํ ภิงฺการํ คเหตฺวา ภควโต โอโณเชสิ— “เอตาหํ, ภนฺเต, เวฬุวนํ อุยฺยานํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสํฆสฺส ทมฺมี”ติ. ปฏิคฺคเหสิ ภควา อารามํ. อถ โข ภควา ราชานํ มาคธํ เสนิยํ พิมฺพิสารํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุตฺเตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา อุฏฺฐายาสนา ปกฺกามิ. อถ โข ภควา เอตสฺมิํ นิทาเน เอตสฺมิํ ปกรเณ ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ— “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อารามนฺ”ติ.
พิมฺพิสารสมาคมกถา นิฏฺฐิตา.