1.41 ราหุลวตฺถุ
อถ โข ภควา ราชคเห ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน กปิลวตฺถุ เตน จาริกํ ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน กปิลวตฺถุ ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา สกฺเกสุ วิหรติ กปิลวตฺถุสฺมิํ นิโคฺรธาราเม. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน สุทฺโธทนสฺส สกฺกสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญตฺเต อาสเน นิสีทิ. อถ โข ราหุลมาตา เทวี ราหุลํ กุมารํ เอตทโวจ— “เอโส เต, ราหุล, ปิตา. คจฺฉสฺสุ, ทายชฺชํ ยาจาหี”ติ. อถ โข ราหุโล กุมาโร เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต ปุรโต, อฏฺฐาสิ— “สุขา เต, สมณ, ฉายา”ติ. อถ โข ภควา อุฏฺฐายาสนา ปกฺกามิ. อถ โข ราหุโล กุมาโร ภควนฺตํ ปิฏฺฐิโต ปิฏฺฐิโต อนุพนฺธิ— “ทายชฺชํ เม, สมณ, เทหิ; ทายชฺชํ เม, สมณ, เทหี”ติ. อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อามนฺเตสิ— “เตน หิ ตฺวํ, สาริปุตฺต, ราหุลํ กุมารํ ปพฺพาเชหี”ติ. “กถาหํ, ภนฺเต, ราหุลํ กุมารํ ปพฺพาเชมี”ติ?
อถ โข ภควา เอตสฺมิํ นิทาเน เอตสฺมิํ ปกรเณ ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ— “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตีหิ สรณคมเนหิ สามเณรปพฺพชฺชํ. เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, ปพฺพาเชตพฺโพ— ปฐมํ เกสมสฺสุํ โอหาราเปตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาทาเปตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ การาเปตฺวา ภิกฺขูนํ ปาเท วนฺทาเปตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทาเปตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคณฺหาเปตฺวา ‘เอวํ วเทหี’ติ วตฺตพฺโพ—
‘พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ,
ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ,
สํฆํ สรณํ คจฺฉามิ.
ทุติยมฺปิ พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ,
ทุติยมฺปิ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ,
ทุติยมฺปิ สํฆํ สรณํ คจฺฉามิ.
ตติยมฺปิ พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ,
ตติยมฺปิ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ,
ตติยมฺปิ สํฆํ สรณํ คจฺฉามี’ติ.
อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อิเมหิ ตีหิ สรณคมเนหิ สามเณรปพฺพชฺชนฺ”ติ. อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ราหุลํ กุมารํ ปพฺพาเชสิ.
อถ โข สุทฺโธทโน สกฺโก เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข สุทฺโธทโน สกฺโก ภควนฺตํ เอตทโวจ— “เอกาหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ วรํ ยาจามี”ติ. “อติกฺกนฺตวรา โข, โคตม, ตถาคตา”ติ. “ยญฺจ, ภนฺเต, กปฺปติ, ยญฺจ อนวชฺชนฺ”ติ. “วเทหิ, โคตมา”ติ. “ภควติ เม, ภนฺเต, ปพฺพชิเต อนปฺปกํ ทุกฺขํ อโหสิ, ตถา นนฺเท, อธิมตฺตํ ราหุเล. ปุตฺตเปมํ, ภนฺเต, ฉวิํ ฉินฺทติ, ฉวิํ เฉตฺวา จมฺมํ ฉินฺทติ, จมฺมํ เฉตฺวา มํสํ ฉินฺทติ, มํสํ เฉตฺวา นฺหารุํ ฉินฺทติ, นฺหารุํ เฉตฺวา อฏฺฐิํ ฉินฺทติ, อฏฺฐิํ เฉตฺวา อฏฺฐิมิญฺชํ อาหจฺจ ติฏฺฐติ. สาธุ, ภนฺเต, อยฺยา อนนุญฺญาตํ มาตาปิตูหิ ปุตฺตํ น ปพฺพาเชยฺยุนฺ”ติ. อถ โข ภควา สุทฺโธทนํ สกฺกํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสสิ สมาทเปสิ สมุตฺเตเชสิ สมฺปหํเสสิ. อถ โข สุทฺโธทโน สกฺโก ภควตา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิโต สมาทปิโต สมุตฺเตชิโต สมฺปหํสิโต อุฏฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. อถ โข ภควา เอตสฺมิํ นิทาเน เอตสฺมิํ ปกรเณ ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ— “น, ภิกฺขเว, อนนุญฺญาโต มาตาปิตูหิ ปุตฺโต ปพฺพาเชตพฺโพ. โย ปพฺพาเชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา”ติ.
อถ โข ภควา กปิลวตฺถุสฺมิํ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน สาวตฺถิ เตน จาริกํ ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน สาวตฺถิ ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส อุปฏฺฐากกุลํ อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส สนฺติเก ทารกํ ปาเหสิ— “อิมํ ทารกํ เถโร ปพฺพาเชตู”ติ. อถ โข อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส เอตทโหสิ— “ภควตา ปญฺญตฺตํ— ‘น เอเกน ทฺเว สามเณรา อุปฏฺฐาเปตพฺพา’ติ. อยญฺจ เม ราหุโล สามเณโร. กถํ นุ โข มยา ปฏิปชฺชิตพฺพนฺ”ติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสิ. “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน เอเกน ทฺเว สามเณเร อุปฏฺฐาเปตุํ, ยาวตเก วา ปน อุสฺสหติ โอวทิตุํ อนุสาสิตุํ ตาวตเก อุปฏฺฐาเปตุนฺ”ติ.