10.8 สํฆสามคฺคีกถา
อถ โข เต อุกฺขิตฺตานุวตฺตกา ภิกฺขู ตํ อุกฺขิตฺตกํ ภิกฺขุํ โอสาเรตฺวา เยน อุกฺเขปกา ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิํสุ, อุปสงฺกมิตฺวา อุกฺเขปเก ภิกฺขู เอตทโวจุํ— “ยสฺมิํ, อาวุโส, วตฺถุสฺมิํ อโหสิ สํฆสฺส ภณฺฑนํ กลโห วิคฺคโห วิวาโท สํฆเภโท สํฆราชิ สํฆววตฺถานํ สํฆนานากรณํ, โส เอโส ภิกฺขุ อาปนฺโน จ อุกฺขิตฺโต จ ปสฺสิ จ โอสาริโต จ. หนฺท มยํ, อาวุโส, ตสฺส วตฺถุสฺส วูปสมาย สํฆสามคฺคิํ กโรมา”ติ.
อถ โข เต อุกฺเขปกา ภิกฺขู เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ— “เต, ภนฺเต, อุกฺขิตฺตานุวตฺตกา ภิกฺขู เอวมาหํสุ— ‘ยสฺมิํ, อาวุโส, วตฺถุสฺมิํ อโหสิ สํฆสฺส ภณฺฑนํ กลโห วิคฺคโห วิวาโท สํฆเภโท สํฆราชิ สํฆววตฺถานํ สํฆนานากรณํ, โส เอโส ภิกฺขุ อาปนฺโน จ อุกฺขิตฺโต จ ปสฺสิ จ โอสาริโต จ. หนฺท มยํ, อาวุโส, ตสฺส วตฺถุสฺส วูปสมาย สํฆสามคฺคิํ กโรมา’ติ. กถํ นุ โข, ภนฺเต, ปฏิปชฺชิตพฺพนฺ”ติ? “ยโต จ โข โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อาปนฺโน จ อุกฺขิตฺโต จ ปสฺสิ จ โอสาริโต จ, เตน หิ, ภิกฺขเว, สํโฆ ตสฺส วตฺถุสฺส วูปสมาย สํฆสามคฺคิํ กโรตุ. เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, กาตพฺพา. สพฺเพเหว เอกชฺฌํ สนฺนิปติตพฺพํ คิลาเนหิ จ อคิลาเนหิ จ. น เกหิจิ ฉนฺโท ทาตพฺโพ. สนฺนิปติตฺวา พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สํโฆ ญาเปตพฺโพ—
‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สํโฆ. ยสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ อโหสิ สํฆสฺส ภณฺฑนํ กลโห วิคฺคโห วิวาโท สํฆเภโท สํฆราชิ สํฆววตฺถานํ สํฆนานากรณํ, โส เอโส ภิกฺขุ อาปนฺโน จ อุกฺขิตฺโต จ ปสฺสิ จ โอสาริโต จ. ยทิ สํฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สํโฆ ตสฺส วตฺถุสฺส วูปสมาย สํฆสามคฺคิํ กเรยฺย. เอสา ญตฺติ.
สุณาตุ เม, ภนฺเต, สํโฆ. ยสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ อโหสิ สํฆสฺส ภณฺฑนํ กลโห วิคฺคโห วิวาโท สํฆเภโท สํฆราชิ สํฆววตฺถานํ สํฆนานากรณํ, โส เอโส ภิกฺขุ อาปนฺโน จ อุกฺขิตฺโต จ ปสฺสิ จ โอสาริโต จ. สํโฆ ตสฺส วตฺถุสฺส วูปสมาย สํฆสามคฺคิํ กโรติ. ยสฺสายสฺมโต ขมติ ตสฺส วตฺถุสฺส วูปสมาย สํฆสามคฺคิยา กรณํ, โส ตุณฺหสฺส, ยสฺส นกฺขมติ โส ภาเสยฺย.
กตา สํเฆน ตสฺส วตฺถุสฺส วูปสมาย สํฆสามคฺคี. นิหโต สํฆเภโท, นิหตา สํฆราชิ, นิหตํ สํฆววตฺถานํ, นิหตํ สํฆนานากรณํ. ขมติ สํฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’ติ.
ตาวเทว อุโปสโถ กาตพฺโพ, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพนฺ”ติ.