2.11 สํขิตฺเตน ปาติโมกฺขุทฺเทสาทิ
อถ โข ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ— “กติ นุ โข ปาติโมกฺขุทฺเทสา”ติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “ปญฺจิเม, ภิกฺขเว, ปาติโมกฺขุทฺเทสา. นิทานํ อุทฺทิสิตฺวา อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพํ. อยํ ปฐโม ปาติโมกฺขุทฺเทโส. นิทานํ อุทฺทิสิตฺวา จตฺตาริ ปาราชิกานิ อุทฺทิสิตฺวา อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพํ. อยํ ทุติโย ปาติโมกฺขุทฺเทโส. นิทานํ อุทฺทิสิตฺวา จตฺตาริ ปาราชิกานิ อุทฺทิสิตฺวา เตรส สํฆาทิเสเส อุทฺทิสิตฺวา อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพํ. อยํ ตติโย ปาติโมกฺขุทฺเทโส. นิทานํ อุทฺทิสิตฺวา จตฺตาริ ปาราชิกานิ อุทฺทิสิตฺวา เตรส สํฆาทิเสเส อุทฺทิสิตฺวา ทฺเว อนิยเต อุทฺทิสิตฺวา อวเสสํ สุเตน สาเวตพฺพํ. อยํ จตุตฺโถ ปาติโมกฺขุทฺเทโส. วิตฺถาเรเนว ปญฺจโม. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปญฺจ ปาติโมกฺขุทฺเทสา”ติ.
เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู— “ภควตา สํขิตฺเตน ปาติโมกฺขุทฺเทโส อนุญฺญาโต”ติ— สพฺพกาลํ สํขิตฺเตน ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “น, ภิกฺขเว, สํขิตฺเตน ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพํ. โย อุทฺทิเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา”ติ.
เตน โข ปน สมเยน โกสเลสุ ชนปเท อญฺญตรสฺมิํ อาวาเส ตทหุโปสเถ สวรภยํ อโหสิ. ภิกฺขู นาสกฺขิํสุ วิตฺถาเรน ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สติ อนฺตราเย สํขิตฺเตน ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุนฺ”ติ.
เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู อสติปิ อนฺตราเย สํขิตฺเตน ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “น, ภิกฺขเว, อสติ อนฺตราเย สํขิตฺเตน ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพํ. โย อุทฺทิเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สติ อนฺตราเย สํขิตฺเตน ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ. ตตฺริเม อนฺตรายา— ราชนฺตราโย, โจรนฺตราโย, อคฺยนฺตราโย, อุทกนฺตราโย, มนุสฺสนฺตราโย, อมนุสฺสนฺตราโย, วาฬนฺตราโย, สรีสปนฺตราโย, ชีวิตนฺตราโย, พฺรหฺมจริยนฺตราโยติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เอวรูเปสุ อนฺตราเยสุ สํขิตฺเตน ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ, อสติ อนฺตราเย วิตฺถาเรนา”ติ.
เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู สํฆมชฺเฌ อนชฺฌิฏฺฐา ธมฺมํ ภาสนฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “น, ภิกฺขเว, สํฆมชฺเฌ อนชฺฌิฏฺเฐน ธมฺโม ภาสิตพฺโพ. โย ภาเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เถเรน ภิกฺขุนา สามํ วา ธมฺมํ ภาสิตุํ ปรํ วา อชฺเฌสิตุนฺ”ติ.