2.15 อธมฺมกมฺมปฏิกฺโกสนาทิ
เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู สํฆมชฺเฌ อธมฺมกมฺมํ กโรนฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “น, ภิกฺขเว, อธมฺมกมฺมํ กาตพฺพํ. โย กเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ. กโรนฺติเยว อธมฺมกมฺมํ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อธมฺมกมฺเม กยิรมาเน ปฏิกฺโกสิตุนฺ”ติ.
เตน โข ปน สมเยน เปสลา ภิกฺขู ฉพฺพคฺคิเยหิ ภิกฺขูหิ อธมฺมกมฺเม กยิรมาเน ปฏิกฺโกสนฺติ. ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ลภนฺติ อาฆาตํ, ลภนฺติ อปฺปจฺจยํ, วเธน ตชฺเชนฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทิฏฺฐิมฺปิ อาวิกาตุนฺติ. เตสํเยว สนฺติเก ทิฏฺฐิํ อาวิกโรนฺติ. ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ลภนฺติ อาฆาตํ, ลภนฺติ อปฺปจฺจยํ, วเธน ตชฺเชนฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, จตูหิ ปญฺจหิ ปฏิกฺโกสิตุํ, ทฺวีหิ ตีหิ ทิฏฺฐิํ อาวิกาตุํ, เอเกน อธิฏฺฐาตุํ— ‘น เมตํ ขมตี’”ติ.
เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู สํฆมชฺเฌ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสมานา สญฺจิจฺจ น สาเวนฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “น, ภิกฺขเว, ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน สญฺจิจฺจ น สาเวตพฺพํ. โย น สาเวยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา”ติ.
เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา อุทายี สํฆสฺส ปาติโมกฺขุทฺเทสโก โหติ กากสฺสรโก. อถ โข อายสฺมโต อุทายิสฺส เอตทโหสิ— “ภควตา ปญฺญตฺตํ— ‘ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน สาเวตพฺพนฺ’ติ, อหญฺจมฺหิ กากสฺสรโก, กถํ นุ โข มยา ปฏิปชฺชิตพฺพนฺ”ติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปาติโมกฺขุทฺเทสเกน วายมิตุํ— ‘กถํ สาเวยฺยนฺ’ติ. วายมนฺตสฺส อนาปตฺตี”ติ.
เตน โข ปน สมเยน เทวทตฺโต สคหฏฺฐาย ปริสาย ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “น, ภิกฺขเว, สคหฏฺฐาย ปริสาย ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพํ. โย อุทฺทิเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา”ติ.
เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู สํฆมชฺเฌ อนชฺฌิฏฺฐา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “น, ภิกฺขเว, สํฆมชฺเฌ อนชฺฌิฏฺเฐน ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพํ. โย อุทฺทิเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เถราธิกํ ปาติโมกฺขนฺ”ติ.
อญฺญติตฺถิยภาณวาโร นิฏฺฐิโต ปฐโม.