2.17 ปกฺขคณนาทิอุคฺคหณานุชานน
อถ โข ภควา โจทนาวตฺถุสฺมิํ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา ปุนเทว ราชคหํ ปจฺจาคญฺฉิ.
เตน โข ปน สมเยน มนุสฺสา ภิกฺขู ปิณฺฑาย จรนฺเต ปุจฺฉนฺติ— “กติมี, ภนฺเต, ปกฺขสฺสา”ติ? ภิกฺขู เอวมาหํสุ— “น โข มยํ, อาวุโส, ชานามา”ติ. มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ— “ปกฺขคณนมตฺตมฺปิเม สมณา สกฺยปุตฺติยา น ชานนฺติ, กิํ ปนิเม อญฺญํ กิญฺจิ กลฺยาณํ ชานิสฺสนฺตี”ติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปกฺขคณนํ อุคฺคเหตุนฺ”ติ. อถ โข ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ— “เกน นุ โข ปกฺขคณนา อุคฺคเหตพฺพา”ติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สพฺเพเหว ปกฺขคณนํ อุคฺคเหตุนฺ”ติ.
เตน โข ปน สมเยน มนุสฺสา ภิกฺขู ปิณฺฑาย จรนฺเต ปุจฺฉนฺติ— “กีวติกา, ภนฺเต, ภิกฺขู”ติ? ภิกฺขู เอวมาหํสุ— “น โข มยํ, อาวุโส, ชานามา”ติ. มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ— “อญฺญมญฺญมฺปิเม สมณา สกฺยปุตฺติยา น ชานนฺติ, กิํ ปนิเม อญฺญํ กิญฺจิ กลฺยาณํ ชานิสฺสนฺตี”ติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู คเณตุนฺ”ติ.
อถ โข ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ— “กทา นุ โข ภิกฺขู คเณตพฺพา”ติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตทหุโปสเถ นามคฺเคน วา คเณตุํ, สลากํ วา คาเหตุนฺ”ติ.
เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู อชานนฺตา อชฺชุโปสโถติ ทูรํ คามํ ปิณฺฑาย จรนฺติ. เต อุทฺทิสฺสมาเนปิ ปาติโมกฺเข อาคจฺฉนฺติ, อุทฺทิฏฺฐมตฺเตปิ อาคจฺฉนฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อาโรเจตุํ ‘อชฺชุโปสโถ’”ติ.
อถ โข ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ— “เกน นุ โข อาโรเจตพฺโพ”ติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เถเรน ภิกฺขุนา กาลวโต อาโรเจตุนฺ”ติ.
เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร เถโร กาลวโต นสฺสรติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภตฺตกาเลปิ อาโรเจตุนฺ”ติ.
ภตฺตกาเลปิ นสฺสรติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยํ กาลํ สรติ, ตํ กาลํ อาโรเจตุนฺ”ติ.