2.2 ปาติโมกฺขุทฺเทสานุชานน
อถ โข ภควโต รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ— “ยนฺนูนาหํ ยานิ มยา ภิกฺขูนํ ปญฺญตฺตานิ สิกฺขาปทานิ, ตานิ เนสํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชาเนยฺยํ. โส เนสํ ภวิสฺสติ อุโปสถกมฺมนฺ”ติ. อถ โข ภควา สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺฐิโต เอตสฺมิํ นิทาเน เอตสฺมิํ ปกรเณ ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ— “อิธ มยฺหํ, ภิกฺขเว, รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ ‘ยนฺนูนาหํ ยานิ มยา ภิกฺขูนํ ปญฺญตฺตานิ สิกฺขาปทานิ, ตานิ เนสํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชาเนยฺยํ. โส เนสํ ภวิสฺสติ อุโปสถกมฺมนฺ’ติ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ. เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อุทฺทิสิตพฺพํ. พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สํโฆ ญาเปตพฺโพ—
‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สํโฆ. ยทิ สํฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สํโฆ อุโปสถํ กเรยฺย, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺย. กิํ สํฆสฺส ปุพฺพกิจฺจํ? ปาริสุทฺธิํ อายสฺมนฺโต อาโรเจถ. ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามิ. ตํ สพฺเพว สนฺตา สาธุกํ สุโณม มนสิ กโรม. ยสฺส สิยา อาปตฺติ, โส อาวิกเรยฺย. อสนฺติยา อาปตฺติยา ตุณฺหี ภวิตพฺพํ. ตุณฺหีภาเวน โข ปนายสฺมนฺเต ปริสุทฺธาติ เวทิสฺสามิ. ยถา โข ปน ปจฺเจกปุฏฺฐสฺส เวยฺยากรณํ โหติ, เอวเมวํ เอวรูปาย ปริสาย ยาวตติยํ อนุสฺสาวิตํ โหติ. โย ปน ภิกฺขุ ยาวตติยํ อนุสฺสาวิยมาเน สรมาโน สนฺติํ อาปตฺติํ นาวิกเรยฺย, สมฺปชานมุสาวาทสฺส โหติ. สมฺปชานมุสาวาโท โข ปนายสฺมนฺโต อนฺตรายิโก ธมฺโม วุตฺโต ภควตา. ตสฺมา, สรมาเนน ภิกฺขุนา อาปนฺเนน วิสุทฺธาเปกฺเขน สนฺตี อาปตฺติ อาวิกาตพฺพา; อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหตี’”ติ.
ปาติโมกฺขนฺ ติ อาทิเมตํ มุขเมตํ ปมุขเมตํ กุสลานํ ธมฺมานํ. เตน วุจฺจติ ปาติโมกฺขนฺติ. อายสฺมนฺโต ติ ปิยวจนเมตํ ครุวจนเมตํ สคารวสปฺปติสฺสาธิวจนเมตํ อายสฺมนฺโตติ. อุทฺทิสิสฺสามี ติ อาจิกฺขิสฺสามิ เทเสสฺสามิ ปญฺญเปสฺสามิ ปฏฺฐเปสฺสามิ วิวริสฺสามิ วิภชิสฺสามิ อุตฺตานิํ กริสฺสามิ ปกาเสสฺสามิ. ตนฺ ติ ปาติโมกฺขํ วุจฺจติ. สพฺเพว สนฺตา ติ ยาวติกา ตสฺสา ปริสาย เถรา จ นวา จ มชฺฌิมา จ, เอเต วุจฺจนฺติ สพฺเพว สนฺตาติ. สาธุกํ สุโณมา ติ อฏฺฐิํ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพเจตสา สมนฺนาหราม. มนสิ กโรมา ติ เอกคฺคจิตฺตา อวิกฺขิตฺตจิตฺตา อวิสาหฏจิตฺตา นิสาเมม. ยสฺส สิยา อาปตฺตี ติ เถรสฺส วา นวสฺส วา มชฺฌิมสฺส วา, ปญฺจนฺนํ วา อาปตฺติกฺขนฺธานํ อญฺญตรา อาปตฺติ, สตฺตนฺนํ วา อาปตฺติกฺขนฺธานํ อญฺญตรา อาปตฺติ. โส อาวิกเรยฺยา ติ โส เทเสยฺย, โส วิวเรยฺย, โส อุตฺตานิํ กเรยฺย, โส ปกาเสยฺย สํฆมชฺเฌ วา คณมชฺเฌ วา เอกปุคฺคเล วา. อสนฺตี นาม อาปตฺติ อนชฺฌาปนฺนา วา โหติ, อาปชฺชิตฺวา วา วุฏฺฐิตา. ตุณฺหี ภวิตพฺพนฺ ติ อธิวาเสตพฺพํ น พฺยาหริตพฺพํ. ปริสุทฺธาติ เวทิสฺสามี ติ ชานิสฺสามิ ธาเรสฺสามิ. ยถา โข ปน ปจฺเจกปุฏฺฐสฺส เวยฺยากรณํ โหตี ติ ยถา เอเกน เอโก ปุฏฺโฐ พฺยากเรยฺย, เอวเมว ตสฺสา ปริสาย ชานิตพฺพํ มํ ปุจฺฉตีติ. เอวรูปา นาม ปริสา ภิกฺขุปริสา วุจฺจติ. ยาวตติยํ อนุสฺสาวิตํ โหตี ติ สกิมฺปิ อนุสฺสาวิตํ โหติ, ทุติยมฺปิ อนุสฺสาวิตํ โหติ, ตติยมฺปิ อนุสฺสาวิตํ โหติ. สรมาโน ติ ชานมาโน สญฺชานมาโน. สนฺตี นาม อาปตฺติ อชฺฌาปนฺนา วา โหติ, อาปชฺชิตฺวา วา อวุฏฺฐิตา. นาวิกเรยฺยา ติ น เทเสยฺย, น วิวเรยฺย, น อุตฺตานิํ กเรยฺย, น ปกาเสยฺย สํฆมชฺเฌ วา คณมชฺเฌ วา เอกปุคฺคเล วา. สมฺปชานมุสาวาทสฺส โหตี ติ สมฺปชานมุสาวาเท กิํ โหติ? ทุกฺกฏํ โหติ. อนฺตรายิโก ธมฺโม วุตฺโต ภควตา ติ. กิสฺส อนฺตรายิโก? ปฐมสฺส ฌานสฺส อธิคมาย อนฺตรายิโก, ทุติยสฺส ฌานสฺส อธิคมาย อนฺตรายิโก, ตติยสฺส ฌานสฺส อธิคมาย อนฺตรายิโก, จตุตฺถสฺส ฌานสฺส อธิคมาย อนฺตรายิโก, ฌานานํ วิโมกฺขานํ สมาธีนํ สมาปตฺตีนํ เนกฺขมฺมานํ นิสฺสรณานํ ปวิเวกานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อธิคมาย อนฺตรายิโก. ตสฺมา ติ ตํการณา. สรมาเนนา ติ ชานมาเนน สญฺชานมาเนน. วิสุทฺธาเปกฺเขนา ติ วุฏฺฐาตุกาเมน วิสุชฺฌิตุกาเมน. สนฺตี นาม อาปตฺติ อชฺฌาปนฺนา วา โหติ, อาปชฺชิตฺวา วา อวุฏฺฐิตา. อาวิกาตพฺพา ติ อาวิกาตพฺพา สํฆมชฺเฌ วา คณมชฺเฌ วา เอกปุคฺคเล วา. อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหตี ติ กิสฺส ผาสุ โหติ? ปฐมสฺส ฌานสฺส อธิคมาย ผาสุ โหติ, ทุติยสฺส ฌานสฺส อธิคมาย ผาสุ โหติ, ตติยสฺส ฌานสฺส อธิคมาย ผาสุ โหติ, จตุตฺถสฺส ฌานสฺส อธิคมาย ผาสุ โหติ, ฌานานํ วิโมกฺขานํ สมาธีนํ สมาปตฺตีนํ เนกฺขมฺมานํ นิสฺสรณานํ ปวิเวกานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อธิคมาย ผาสุ โหตีติ.
เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู— “ภควตา ปาติโมกฺขุทฺเทโส อนุญฺญาโต”ติ— เทวสิกํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “น, ภิกฺขเว, เทวสิกํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพํ. โย อุทฺทิเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุโปสเถ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุนฺ”ติ.
เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู— “ภควตา อุโปสเถ ปาติโมกฺขุทฺเทโส อนุญฺญาโต”ติ— ปกฺขสฺส ติกฺขตฺตุํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺติ, จาตุทฺทเส ปนฺนรเส อฏฺฐมิยา จ ปกฺขสฺส. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “น, ภิกฺขเว, ปกฺขสฺส ติกฺขตฺตุํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพํ. โย อุทฺทิเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สกิํ ปกฺขสฺส จาตุทฺทเส วา ปนฺนรเส วา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุนฺ”ติ.
เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ยถาปริสาย ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺติ สกาย สกาย ปริสาย. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “น, ภิกฺขเว, ยถาปริสาย ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพํ สกาย สกาย ปริสาย. โย อุทฺทิเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สมคฺคานํ อุโปสถกมฺมนฺ”ติ.
อถ โข ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ— “ภควตา ปญฺญตฺตํ— ‘สมคฺคานํ อุโปสถกมฺมนฺ’ติ. กิตฺตาวตา นุ โข สามคฺคี โหติ, ยาวตา เอกาวาโส, อุทาหุ สพฺพา ปถวี”ติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เอตฺตาวตา สามคฺคี ยาวตา เอกาวาโส”ติ.