5.1 โสณโกฬิวิสวตฺถุ
เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา ราชคเห วิหรติ คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต. เตน โข ปน สมเยน ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร อสีติยา คามสหเสฺสสุ อิสฺสริยาธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรติ. เตน โข ปน สมเยน จมฺปายํ โสโณ นาม โกฬิวิโส เสฏฺฐิปุตฺโต สุขุมาโล โหติ. ตสฺส ปาทตเลสุ โลมานิ ชาตานิ โหนฺติ. อถ โข ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร ตานิ อสีติ คามิกสหสฺสานิ สนฺนิปาตาเปตฺวา เกนจิเทว กรณีเยน โสณสฺส โกฬิวิสสฺส สนฺติเก ทูตํ ปาเหสิ— “อาคจฺฉตุ โสโณ, อิจฺฉามิ โสณสฺส อาคตนฺ”ติ. อถ โข โสณสฺส โกฬิวิสสฺส มาตาปิตโร โสณํ โกฬิวิสํ เอตทโวจุํ— “ราชา เต, ตาต โสณ, ปาเท ทกฺขิตุกาโม. มา โข ตฺวํ, ตาต โสณ, เยน ราชา เตน ปาเท อภิปฺปสาเรยฺยาสิ. รญฺโญ ปุรโต ปลฺลงฺเกน นิสีท. นิสินฺนสฺส เต ราชา ปาเท ทกฺขิสฺสตี”ติ. อถ โข โสณํ โกฬิวิสํ สิวิกาย อาเนสุํ. อถ โข โสโณ โกฬิวิโส เยน ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ราชานํ มาคธํ เสนิยํ พิมฺพิสารํ อภิวาเทตฺวา รญฺโญ ปุรโต ปลฺลงฺเกน นิสีทิ. อทฺทสา โข ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร โสณสฺส โกฬิวิสสฺส ปาทตเลสุ โลมานิ ชาตานิ. อถ โข ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร ตานิ อสีติ คามิกสหสฺสานิ ทิฏฺฐธมฺมิเก อตฺเถ อนุสาสิตฺวา อุโยฺยเชสิ— “ตุมฺเห ขฺวตฺถ, ภเณ, มยา ทิฏฺฐธมฺมิเก อตฺเถ อนุสาสิตา; คจฺฉถ, ตํ ภควนฺตํ ปยิรุปาสถ; โส โน ภควา สมฺปรายิเก อตฺเถ อนุสาสิสฺสตี”ติ.
อถ โข ตานิ อสีติ คามิกสหสฺสานิ เยน คิชฺฌกูโฏ ปพฺพโต เตนุปสงฺกมิํสุ. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา สาคโต ภควโต อุปฏฺฐาโก โหติ. อถ โข ตานิ อสีติ คามิกสหสฺสานิ เยนายสฺมา สาคโต เตนุปสงฺกมิํสุ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ สาคตํ เอตทโวจุํ— “อิมานิ, ภนฺเต, อสีติ คามิกสหสฺสานิ อิธูปสงฺกนฺตานิ ภควนฺตํ ทสฺสนาย; สาธุ มยํ, ภนฺเต, ลเภยฺยาม ภควนฺตํ ทสฺสนายา”ติ. “เตน หิ ตุมฺเห อายสฺมนฺโต มุหุตฺตํ อิเธว ตาว โหถ, ยาวาหํ ภควนฺตํ ปฏิเวเทมี”ติ. อถ โข อายสฺมา สาคโต เตสํ อสีติยา คามิกสหสฺสานํ ปุรโต เปกฺขมานานํ ปาฏิกาย นิมุชฺชิตฺวา ภควโต ปุรโต อุมฺมุชฺชิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ— “อิมานิ, ภนฺเต, อสีติ คามิกสหสฺสานิ อิธูปสงฺกนฺตานิ ภควนฺตํ ทสฺสนาย; ยสฺสทานิ, ภนฺเต, ภควา กาลํ มญฺญตี”ติ. “เตน หิ ตฺวํ, สาคต, วิหารปจฺฉายายํ อาสนํ ปญฺญเปหี”ติ. “เอวํ, ภนฺเต”ติ โข อายสฺมา สาคโต ภควโต ปฏิสฺสุณิตฺวา ปีฐํ คเหตฺวา ภควโต ปุรโต นิมุชฺชิตฺวา เตสํ อสีติยา คามิกสหสฺสานํ ปุรโต เปกฺขมานานํ ปาฏิกาย อุมฺมุชฺชิตฺวา วิหารปจฺฉายายํ อาสนํ ปญฺญเปติ. อถ โข ภควา วิหารา นิกฺขมิตฺวา วิหารปจฺฉายายํ ปญฺญตฺเต อาสเน นิสีทิ. อถ โข ตานิ อสีติ คามิกสหสฺสานิ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ. อถ โข ตานิ อสีติ คามิกสหสฺสานิ อายสฺมนฺตํเยว สาคตํ สมนฺนาหรนฺติ, โน ตถา ภควนฺตํ. อถ โข ภควา เตสํ อสีติยา คามิกสหสฺสานํ เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย อายสฺมนฺตํ สาคตํ อามนฺเตสิ— “เตน หิ ตฺวํ, สาคต, ภิโยฺยโส มตฺตาย อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมํ อิทฺธิปาฏิหาริยํ ทเสฺสหี”ติ. “เอวํ, ภนฺเต”ติ โข อายสฺมา สาคโต ภควโต ปฏิสฺสุณิตฺวา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา อากาเส อนฺตลิกฺเข จงฺกมติปิ, ติฏฺฐติปิ, นิสีทติปิ, เสยฺยมฺปิ กปฺเปติ, ธูมายติปิ ปชฺชลติปิ, อนฺตรธายติปิ. อถ โข อายสฺมา สาคโต อากาเส อนฺตลิกฺเข อเนกวิหิตํ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมํ อิทฺธิปาฏิหาริยํ ทเสฺสตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ— “สตฺถา เม, ภนฺเต, ภควา; สาวโกหมสฺมิ. สตฺถา เม, ภนฺเต, ภควา; สาวโกหมสฺมี”ติ. อถ โข ตานิ อสีติ คามิกสหสฺสานิ “อจฺฉริยํ วต โภ, อพฺภุตํ วต โภ. สาวโกปิ นาม เอวํ มหิทฺธิโก ภวิสฺสติ, เอวํ มหานุภาโว, อโห นูน สตฺถา”ติ ภควนฺตํเยว สมนฺนาหรนฺติ, โน ตถา อายสฺมนฺตํ สาคตํ.
อถ โข ภควา เตสํ อสีติยา คามิกสหสฺสานํ เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย อนุปุพฺพิํ กถํ กเถสิ, เสยฺยถิทํ— ทานกถํ สีลกถํ สคฺคกถํ, กามานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ, เนกฺขมฺเม อานิสํสํ ปกาเสสิ. ยทา เต ภควา อญฺญาสิ กลฺลจิตฺเต, มุทุจิตฺเต, วินีวรณจิตฺเต, อุทคฺคจิตฺเต, ปสนฺนจิตฺเต, อถ ยา พุทฺธานํ สามุกฺกํสิกา ธมฺมเทสนา, ตํ ปกาเสสิ— ทุกฺขํ, สมุทยํ, นิโรธํ, มคฺคํ. เสยฺยถาปิ นาม สุทฺธํ วตฺถํ อปคตกาฬกํ สมฺมเทว รชนํ ปฏิคฺคเณฺหยฺย; เอวเมวํ เตสํ อสีติยา คามิกสหสฺสานํ ตสฺมิํเยว อาสเน วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทิ— “ยํ กิญฺจิ สมุทยธมฺมํ สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺมนฺ”ติ. เต ทิฏฺฐธมฺมา ปตฺตธมฺมา วิทิตธมฺมา ปริโยคาฬฺหธมฺมา ติณฺณวิจิกิจฺฉา วิคตกถํกถา เวสารชฺชปฺปตฺตา อปรปฺปจฺจยา สตฺถุสาสเน ภควนฺตํ เอตทโวจุํ— “อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต. เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย— ‘จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติ; เอวเมวํ ภควตา อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอเต มยํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉาม. ธมฺมญฺจ, ภิกฺขุสํฆญฺจ. อุปาสเก โน ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปเต สรณํ คเต”ติ.