8.13 ภณฺฑาคารสมฺมุติอาทิกถา
เตน โข ปน สมเยน จีวรนิทหโก ภิกฺขุ มณฺฑเปปิ รุกฺขมูเลปิ นิพฺพโกเสปิ จีวรํ นิทหติ, อุนฺทูเรหิปิ อุปจิกาหิปิ ขชฺชนฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภณฺฑาคารํ สมฺมนฺนิตุํ, ยํ สํโฆ อากงฺขติ วิหารํ วา อฑฺฒโยคํ วา ปาสาทํ วา หมฺมิยํ วา คุหํ วา. เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, สมฺมนฺนิตพฺโพ. พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สํโฆ ญาเปตพฺโพ—
‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สํโฆ. ยทิ สํฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สํโฆ อิตฺถนฺนามํ วิหารํ ภณฺฑาคารํ สมฺมนฺเนยฺย. เอสา ญตฺติ.
สุณาตุ เม, ภนฺเต, สํโฆ. สํโฆ อิตฺถนฺนามํ วิหารํ ภณฺฑาคารํ สมฺมนฺนติ. ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิตฺถนฺนามสฺส วิหารสฺส ภณฺฑาคารสฺส สมฺมุติ, โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย.
สมฺมโต สํเฆน อิตฺถนฺนาโม วิหาโร ภณฺฑาคารํ. ขมติ สํฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’”ติ.
เตน โข ปน สมเยน สํฆสฺส ภณฺฑาคาเร จีวรํ อคุตฺตํ โหติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปญฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ ภิกฺขุํ ภณฺฑาคาริกํ สมฺมนฺนิตุํ— โย น ฉนฺทาคติํ คจฺเฉยฺย, น โทสาคติํ คจฺเฉยฺย, น โมหาคติํ คจฺเฉยฺย, น ภยาคติํ คจฺเฉยฺย, คุตฺตาคุตฺตญฺจ ชาเนยฺย. เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, สมฺมนฺนิตพฺโพ. ปฐมํ ภิกฺขุ ยาจิตพฺโพ; ยาจิตฺวา พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สํโฆ ญาเปตพฺโพ—
‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สํโฆ. ยทิ สํฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สํโฆ อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ ภณฺฑาคาริกํ สมฺมนฺเนยฺย. เอสา ญตฺติ.
สุณาตุ เม, ภนฺเต, สํโฆ. สํโฆ อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ ภณฺฑาคาริกํ สมฺมนฺนติ. ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน ภณฺฑาคาริกสฺส สมฺมุติ, โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย.
สมฺมโต สํเฆน อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ ภณฺฑาคาริโก. ขมติ สํฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’”ติ.
เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ภณฺฑาคาริกํ วุฏฺฐาเปนฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “น, ภิกฺขเว, ภณฺฑาคาริโก วุฏฺฐาเปตพฺโพ. โย วุฏฺฐาเปยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา”ติ.
เตน โข ปน สมเยน สํฆสฺส ภณฺฑาคาเร จีวรํ อุสฺสนฺนํ โหติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สมฺมุขีภูเตน สํเฆน ภาเชตุนฺ”ติ.
เตน โข ปน สมเยน สํโฆ จีวรํ ภาเชนฺโต โกลาหลํ อกาสิ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปญฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตํ ภิกฺขุํ จีวรภาชกํ สมฺมนฺนิตุํ— โย น ฉนฺทาคติํ คจฺเฉยฺย, น โทสาคติํ คจฺเฉยฺย, น โมหาคติํ คจฺเฉยฺย, น ภยาคติํ คจฺเฉยฺย, ภาชิตาภาชิตญฺจ ชาเนยฺย. เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, สมฺมนฺนิตพฺโพ. ปฐมํ ภิกฺขุ ยาจิตพฺโพ; ยาจิตฺวา พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สํโฆ ญาเปตพฺโพ—
‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สํโฆ. ยทิ สํฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สํโฆ อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ จีวรภาชกํ สมฺมนฺเนยฺย. เอสา ญตฺติ.
สุณาตุ เม, ภนฺเต, สํโฆ. สํโฆ อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ จีวรภาชกํ สมฺมนฺนติ. ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน จีวรภาชกสฺส สมฺมุติ, โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย.
สมฺมโต สํเฆน อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ จีวรภาชโก. ขมติ สํฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’”ติ.
อถ โข จีวรภาชกานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ— “กถํ นุ โข จีวรํ ภาเชตพฺพนฺ”ติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฐมํ อุจฺจินิตฺวา ตุลยิตฺวา วณฺณาวณฺณํ กตฺวา ภิกฺขู คเณตฺวา วคฺคํ พนฺธิตฺวา จีวรปฏิวีสํ ฐเปตุนฺ”ติ.
อถ โข จีวรภาชกานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ— “กถํ นุ โข สามเณรานํ จีวรปฏิวีโส ทาตพฺโพ”ติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สามเณรานํ อุปฑฺฒปฏิวีสํ ทาตุนฺ”ติ.
เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ สเกน ภาเคน อุตฺตริตุกาโม โหติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุตฺตรนฺตสฺส สกํ ภาคํ ทาตุนฺ”ติ.
เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ อติเรกภาเคน อุตฺตริตุกาโม โหติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อนุกฺเขเป ทินฺเน อติเรกภาคํ ทาตุนฺ”ติ.
อถ โข จีวรภาชกานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ— “กถํ นุ โข จีวรปฏิวีโส ทาตพฺโพ, อาคตปฏิปาฏิยา นุ โข อุทาหุ ยถาวุฑฺฒนฺ”ติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วิกลเก โตเสตฺวา กุสปาตํ กาตุนฺ”ติ.