8.20 ปจฺฉิมวิกปฺปนุปคจีวราทิกถา
อถ โข ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ— “ยานิ ตานิ ภควตา อนุญฺญาตานิ ติจีวรนฺติ วา วสฺสิกสาฏิกาติ วา นิสีทนนฺติ วา ปจฺจตฺถรณนฺติ วา กณฺฑุปฺปฏิจฺฉาทีติ วา มุขปุญฺฉนโจฬนฺติ วา ปริกฺขารโจฬนฺติ วา, สพฺพานิ ตานิ อธิฏฺฐาตพฺพานิ นุ โข, อุทาหุ วิกปฺเปตพฺพานี”ติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติจีวรํ อธิฏฺฐาตุํ น วิกปฺเปตุํ; วสฺสิกสาฏิกํ วสฺสานํ จาตุมาสํ อธิฏฺฐาตุํ, ตโต ปรํ วิกปฺเปตุํ; นิสีทนํ อธิฏฺฐาตุํ น วิกปฺเปตุํ; ปจฺจตฺถรณํ อธิฏฺฐาตุํ น วิกปฺเปตุํ; กณฺฑุปฺปฏิจฺฉาทิํ ยาว อาพาธา อธิฏฺฐาตุํ ตโต ปรํ วิกปฺเปตุํ; มุขปุญฺฉนโจฬํ อธิฏฺฐาตุํ น วิกปฺเปตุํ; ปริกฺขารโจฬํ อธิฏฺฐาตุํ น วิกปฺเปตุนฺ”ติ.
อถ โข ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ— “กิตฺตกํ ปจฺฉิมํ นุ โข จีวรํ วิกปฺเปตพฺพนฺ”ติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อายาเมน อฏฺฐงฺคุลํ สุคตงฺคุเลน จตุรงฺคุลวิตฺถตํ ปจฺฉิมํ จีวรํ วิกปฺเปตุนฺ”ติ.
เตน โข ปน สมเยน อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส ปํสุกูลกโต ครุโก โหติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สุตฺตลูขํ กาตุนฺ”ติ. วิกณฺโณ โหติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วิกณฺณํ อุทฺธริตุนฺ”ติ. สุตฺตา โอกิริยนฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อนุวาตํ ปริภณฺฑํ อาโรเปตุนฺ”ติ.
เตน โข ปน สมเยน สงฺฆาฏิยา ปตฺตา ลุชฺชนฺติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อฏฺฐปทกํ กาตุนฺ”ติ.
เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรสฺส ภิกฺขุโน ติจีวเร กยิรมาเน สพฺพํ ฉินฺนกํ นปฺปโหติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทฺเว ฉินฺนกานิ เอกํ อจฺฉินฺนกนฺ”ติ.
ทฺเว ฉินฺนกานิ เอกํ อจฺฉินฺนกํ นปฺปโหติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทฺเว อจฺฉินฺนกานิ เอกํ ฉินฺนกนฺ”ติ.
ทฺเว อจฺฉินฺนกานิ เอกํ ฉินฺนกํ นปฺปโหติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อนฺวาธิกมฺปิ อาโรเปตุํ. น จ, ภิกฺขเว, สพฺพํ อจฺฉินฺนกํ ธาเรตพฺพํ. โย ธาเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา”ติ.
เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรสฺส ภิกฺขุโน พหุํ จีวรํ อุปฺปนฺนํ โหติ. โส จ ตํ จีวรํ มาตาปิตูนํ ทาตุกาโม โหติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “มาตาปิตโรติ โข, ภิกฺขเว, ททมาเน กิํ วเทยฺยาม? อนุชานามิ, ภิกฺขเว, มาตาปิตูนํ ทาตุํ. น จ, ภิกฺขเว, สทฺธาเทยฺยํ วินิปาเตตพฺพํ. โย วินิปาเตยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา”ติ.
เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ อนฺธวเน จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา สนฺตรุตฺตเรน คามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. โจรา ตํ จีวรํ อวหริํสุ. โส ภิกฺขุ ทุจฺโจโฬ โหติ ลูขจีวโร. ภิกฺขู เอวมาหํสุ— “กิสฺส ตฺวํ, อาวุโส, ทุจฺโจโฬ ลูขจีวโรสี”ติ? “อิธาหํ, อาวุโส, อนฺธวเน จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา สนฺตรุตฺตเรน คามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิํ. โจรา ตํ จีวรํ อวหริํสุ. เตนาหํ ทุจฺโจโฬ ลูขจีวโร”ติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “น, ภิกฺขเว, สนฺตรุตฺตเรน คาโม ปวิสิตพฺโพ. โย ปวิเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา”ติ.
เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา อานนฺโท อสฺสติยา สนฺตรุตฺตเรน คามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจุํ— “นนุ, อาวุโส อานนฺท, ภควตา ปญฺญตฺตํ— ‘น สนฺตรุตฺตเรน คาโม ปวิสิตพฺโพ’ติ? กิสฺส ตฺวํ, อาวุโส อานนฺท, สนฺตรุตฺตเรน คามํ ปวิฏฺโฐ”ติ? “สจฺจํ, อาวุโส, ภควตา ปญฺญตฺตํ— ‘น สนฺตรุตฺตเรน คาโม ปวิสิตพฺโพ’ติ. อปิ จาหํ อสฺสติยา ปวิฏฺโฐ”ติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ.
“ปญฺจิเม, ภิกฺขเว, ปจฺจยา สงฺฆาฏิยา นิกฺเขปาย— คิลาโน วา โหติ, วสฺสิกสงฺเกตํ วา โหติ, นทีปารํ คนฺตุํ วา โหติ, อคฺคฬคุตฺติวิหาโร วา โหติ, อตฺถตกถินํ วา โหติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปญฺจ ปจฺจยา สงฺฆาฏิยา นิกฺเขปาย.
ปญฺจิเม, ภิกฺขเว, ปจฺจยา อุตฺตราสงฺคสฺส นิกฺเขปาย …เป… อนฺตรวาสกสฺส นิกฺเขปาย— คิลาโน วา โหติ, วสฺสิกสงฺเกตํ วา โหติ, นทีปารํ คนฺตุํ วา โหติ, อคฺคฬคุตฺติวิหาโร วา โหติ, อตฺถตกถินํ วา โหติ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปญฺจ ปจฺจยา อุตฺตราสงฺคสฺส อนฺตรวาสกสฺส นิกฺเขปาย.
ปญฺจิเม, ภิกฺขเว, ปจฺจยา วสฺสิกสาฏิกาย นิกฺเขปาย— คิลาโน วา โหติ, นิสฺสีมํ คนฺตุํ วา โหติ, นทีปารํ คนฺตุํ วา โหติ, อคฺคฬคุตฺติวิหาโร วา โหติ, วสฺสิกสาฏิกา อกตา วา โหติ วิปฺปกตา วา. อิเม โข, ภิกฺขเว, ปญฺจ ปจฺจยา วสฺสิกสาฏิกาย นิกฺเขปายา”ติ.