8.24 มตสนฺตกกถา
เตน โข ปน สมเยน ทฺเว ภิกฺขู โกสเลสุ ชนปเท อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺนา โหนฺติ. เต อญฺญตรํ อาวาสํ อุปคจฺฉิํสุ. ตตฺถ อญฺญตโร ภิกฺขุ คิลาโน โหติ. อถ โข เตสํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ— “ภควตา โข, อาวุโส, คิลานุปฏฺฐานํ วณฺณิตํ. หนฺท มยํ, อาวุโส, อิมํ ภิกฺขุํ อุปฏฺฐเหมา”ติ. เต ตํ อุปฏฺฐหิํสุ. โส เตหิ อุปฏฺฐหิยมาโน กาลมกาสิ. อถ โข เต ภิกฺขู ตสฺส ภิกฺขุโน ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถิํ คนฺตฺวา ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “ภิกฺขุสฺส, ภิกฺขเว, กาลงฺกเต สํโฆ สามี ปตฺตจีวเร, อปิ จ คิลานุปฏฺฐากา พหูปการา. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สํเฆน ติจีวรญฺจ ปตฺตญฺจ คิลานุปฏฺฐากานํ ทาตุํ. เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, ทาตพฺพํ. เตน คิลานุปฏฺฐาเกน ภิกฺขุนา สํฆํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมสฺส วจนีโย— ‘อิตฺถนฺนาโม, ภนฺเต, ภิกฺขุ กาลงฺกโต. อิทํ ตสฺส ติจีวรญฺจ ปตฺโต จา’ติ. พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สํโฆ ญาเปตพฺโพ—
‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สํโฆ. อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ กาลงฺกโต. อิทํ ตสฺส ติจีวรญฺจ ปตฺโต จ. ยทิ สํฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สํโฆ อิมํ ติจีวรญฺจ ปตฺตญฺจ คิลานุปฏฺฐากานํ ทเทยฺย. เอสา ญตฺติ.
สุณาตุ เม, ภนฺเต, สํโฆ. อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ กาลงฺกโต. อิทํ ตสฺส ติจีวรญฺจ ปตฺโต จ. สํโฆ อิมํ ติจีวรญฺจ ปตฺตญฺจ คิลานุปฏฺฐากานํ เทติ. ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิมสฺส ติจีวรสฺส จ ปตฺตสฺส จ คิลานุปฏฺฐากานํ ทานํ, โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย.
ทินฺนํ อิทํ สํเฆน ติจีวรญฺจ ปตฺโต จ คิลานุปฏฺฐากานํ. ขมติ สํฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’”ติ.
เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร สามเณโร กาลงฺกโต โหติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “สามเณรสฺส, ภิกฺขเว, กาลงฺกเต สํโฆ สามี ปตฺตจีวเร, อปิ จ คิลานุปฏฺฐากา พหูปการา. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สํเฆน จีวรญฺจ ปตฺตญฺจ คิลานุปฏฺฐากานํ ทาตุํ. เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, ทาตพฺพํ. เตน คิลานุปฏฺฐาเกน ภิกฺขุนา สํฆํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมสฺส วจนีโย— ‘อิตฺถนฺนาโม, ภนฺเต, สามเณโร กาลงฺกโต, อิทํ ตสฺส จีวรญฺจ ปตฺโต จา’ติ. พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน สํโฆ ญาเปตพฺโพ—
‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สํโฆ. อิตฺถนฺนาโม สามเณโร กาลงฺกโต. อิทํ ตสฺส จีวรญฺจ ปตฺโต จ. ยทิ สํฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สํโฆ อิมํ จีวรญฺจ ปตฺตญฺจ คิลานุปฏฺฐากานํ ทเทยฺย. เอสา ญตฺติ.
สุณาตุ เม, ภนฺเต, สํโฆ. อิตฺถนฺนาโม สามเณโร กาลงฺกโต. อิทํ ตสฺส จีวรญฺจ ปตฺโต จ. สํโฆ อิมํ จีวรญฺจ ปตฺตญฺจ คิลานุปฏฺฐากานํ เทติ. ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิมสฺส จีวรสฺส จ ปตฺตสฺส จ คิลานุปฏฺฐากานํ ทานํ, โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย.
ทินฺนํ อิทํ สํเฆน จีวรญฺจ ปตฺโต จ คิลานุปฏฺฐากานํ. ขมติ สํฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’”ติ.
เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ จ สามเณโร จ คิลานํ อุปฏฺฐหิํสุ. โส เตหิ อุปฏฺฐหิยมาโน กาลมกาสิ. อถ โข ตสฺส คิลานุปฏฺฐากสฺส ภิกฺขุโน เอตทโหสิ— “กถํ นุ โข คิลานุปฏฺฐากสฺส สามเณรสฺส จีวรปฏิวีโส ทาตพฺโพ”ติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คิลานุปฏฺฐากสฺส สามเณรสฺส สมกํ ปฏิวีสํ ทาตุนฺ”ติ.
เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ พหุภณฺโฑ พหุปริกฺขาโร กาลงฺกโต โหติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. “ภิกฺขุสฺส, ภิกฺขเว, กาลงฺกเต สํโฆ สามี ปตฺตจีวเร, อปิ จ คิลานุปฏฺฐากา พหูปการา. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สํเฆน ติจีวรญฺจ ปตฺตญฺจ คิลานุปฏฺฐากานํ ทาตุํ. ยํ ตตฺถ ลหุภณฺฑํ ลหุปริกฺขารํ ตํ สมฺมุขีภูเตน สํเฆน ภาเชตุํ. ยํ ตตฺถ ครุภณฺฑํ ครุปริกฺขารํ ตํ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส สํฆสฺส อวิสฺสชฺชิกํ อเวภงฺคิกนฺ”ติ.